วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 ประโยชน์ของการตื่นเช้า



10 ประโยชน์ของการตื่นเช้า

          การตื่นเช้ามีประโยชน์กับเราหลายอย่างมาก ทั้งสุขภาพกายและใจ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
          1. ต้อนรับวันใหม่-ด้วยอากาศสดชื่น แถมอากาศในตอนเช้ายังมีวิตามินที่ดีกับร่างกายอีกด้วย
          2. ไม่ต้องรีบร้อนแข่งขันกับเวลา-คนตื่นเช้า ไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องกลัวไปไม่ทัน ได้อาบน้ำสบายๆ ไม่ต้องรีบ
          3. ได้พบกับความสงบ-ตอนเช้าสงบเงียบ ไร้เสียงใดๆ ถ้าใครคิดงานไม่ออก ลองตื่นเช้ามานั่งทำงานที่ค้างไว้ รับรองคิดออกแน่ๆ แต่คุณต้องนอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืน
          4. มีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย-ตื่นเช้ามาออกกำลังกายสักนิด เพื่อสุขภาพที่ดี5.ได้ทานอาหารเช้า-อาหารมื้อสำคัญที่ชอบมองข้าม อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุด กินได้เยอะที่สุด เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เราต้องเติมพลังงานให้เต็มที่ก่อนเริ่มวันใหม่
          6. มีเวลาเพิ่มมากขึ้น-แล้วคุณจะรู้ว่า วันๆ หนึ่งของคุณ มีเวลาเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
          7. ได้พบแสงแดดยามเช้า-นี่เป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับทุกคนในตอนเช้า แต่กลับไม่มีใครคิดอยากจะได้ของฟรีแบบนี้ การมองดูแสงแดดที่ค่อยๆ ส่องแสงเรืองรองบนท้องฟ้าระหว่างที่วิ่งออกกำลังกายไปด้วยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว
          8. มีเวลาให้กับเป้าหมายในชีวิต-เชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตกันทั้งนั้น และก็ไม่มีเวลาไหนหรอกที่เหมาะกับการใช้เวลาทบทวนเป้าหมายและวางแผนไปกว่าเวลาในตอนเช้า
          9. การทำกิจวัตรอย่างสบายๆ-ไม่ต้องรีบซิ่งไปตอกบัตรที่ทำงาน ไม่จำเป็นต้องตาลีตาเหลือก สามารถไปถึงที่ทำงานก่อนคนอื่นๆ และเริ่มทำงานก่อนชาวบ้าน (ซึ่งส่งผลทำให้คุณทำงานเสร็จก่อนชาวบ้าน) ผลลัพธ์จากการตื่นเช้ามันต่างกันลิบลับเลยทีเดียว
          10. ขับถ่ายของเสีย-ในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่อวัยวะเริ่มทำงาน ทั้งลำไส้เล็กและสำไส้ใหญ่ ที่เริ่มขับของเสียออกจากร่างกาย เมื่อร่างกายขับของเสียต่างๆ ออกได้หมด ผิวพรรณก็จะสดใส จิตใจเบิกบาน พร้อมที่จะลุยงานให้สำเร็จ

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ้น "พระมหาผ่อง" สังฆราชลาว


เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พระชัยเดช เอกัคคจิตโต พระเลขานุการพระอาจารย์ใหญ่ พระมหาผ่อง ปิยธีโร (สะมะเลิก) ประธานศูนย์กลางการพระพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (พระสังฆราชลาวรูปที่ 4) เจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.11 น.วันเดียวกัน พระอาจารย์ใหญ่พระมหาผ่อง ละสังขารลงอย่างสงบ หลังอาพาธและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สิริอายุ 100 ปี 6 เดือน พรรษา 81  พระมหาผ่อง เป็นคนไทยโดยกำเนิด เกิดที่บ้านกุงน้อย ต.กุศกร อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ.2459 ติดตามบิดามารดาไปอยู่บ้านโพนทอง เมืองโพนทอง แชวงจำปาสัก สปป.ลาว ตั้งแต่เด็ก และได้รับการเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าฟ้าเพชรราช (วีรบุรุษชาวลาวที่ปลดแอกจากการปกครองฝรั่งเศส) และเป็นบุตรบุญธรรมของโฮจิมินห์ ประธานพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอีกด้วย พระอาจารย์ใหญ่ พระมหาผ่อง อุปสมบท อายุครบ 20 ปี ที่วัดโพธิ์สระปทุม ซึ่งเป็นบ้านเกิด จากนั้นเดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม ที่วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ จนได้เปรียญธรรม 6 ประโยค จากนั้น ได้นำความรู้มาสอนมัธยมสงฆ์หลายแห่งในประเทศลาว พระมหาผ่องเดินทางมาประเทศไทยเป็นนิจ เพื่อกิจการคณะสงฆ์สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะสงฆ์ไทยกับคณะสงฆ์ลาว มีความสัมพันธ์ทางด้านการปกครองการ ศึกษาการเผยแผ่ด้วยดีเสมอมา ส่งพระภิกษุสามเณรเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ไทย ทั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก จบการศึกษาแล้วกลับไปพัฒนาบุคลากรชาวลาวต่อไป พระมหาผ่อง ปฏิบัติศาสนกิจสุดท้าย เป็นองค์แสดงสัมโมทนียกถาเปิดงานเสวนา �พุทธพลิกสุวรรณภูมิ : สามัคคีธรรม แผ่นดินธรรม แผ่นดินทองŽ จัดโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย และมูลนิธิวีระภุชงค์ ที่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 9-13 ก.ย.2558 มีคณะสงฆ์อาเซียน 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และลาว เข้าร่วม ทั้งนี้ พระมหาผ่อง สะมะเลิก พระสังฆมหานายกประเทศลาว ยังเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ ด้วย

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

20 ข้อปฎิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นย่างเบิกบาน

20 ข้อ ปฎิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่น อย่างเบิกบาน.....

1. เห็นข้อดีของเขาตามความเป็นจริง
แล้ว......กล่าว ชื่นชมตามโอกาส

2. เห็นข้อเสียของเขาตามความเป็นจริง
แล้ว.....เฝ้าระวังอย่าประมาท

3. อย่าพูดถึงเขาในทางที่เสื่อมเสีย
........เมื่อเขาไม่อยู่

4. อย่าสอนในสิ่งไม่รู้ แนะนำเมื่อเขาต้องการ
ไม่ใช่....เมื่อเราอยากพูด!

5. อย่าก้าวล้ำเรื่องส่วนตัว ช่วยเหลือตามกาลสมควร ก่อนรับปาก
จงคิด...... ก่อนปฏิเสธ จงคิด..... รู้จัก พึ่งพาตนเอง อย่าหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่น

6. อย่าชมมากเกิน อย่าติติงมากเกิน
พูดจาไม่ดี นิ่งไว้ดีกว่า

7. ทำใจเป็นกลาง อย่าลำพองเมื่อถูกชม อย่าตรมเมื่อถูกด่า

8. รับฟังอย่างเปิดใจ รู้จักสำรวมท่าทีแสดงออก

9. เคารพในอาวุโส เคารพในคุณวุฒิ เคารพในความดี
เคารพในสิ่งที่เขานับถือ เคารพในผู้มีพระคุณของเขา

10. เป็นตัวของตัวเอง ไม่คล้อยตามจนไร้จุดยืน
ไม่พิพากษาตัดสิน ไม่หมิ่นความคิดเห็น

11. เมื่อผิดจงขอโทษ เมื่อโกรธจงนิ่ง
มีควรยิ้มจงยิ้ม เมื่อควรให้จงให้ เมื่อควรถอยจงห่าง

12. ทำดีกับเขา แต่อย่าหวังผลตอบแทน อย่าทวงบุญคุณ
อย่าอ้างความเป็นญาติมิตร อย่าอ้างชาติ ศาสนา และ อย่าอ้างพระผู้เป็นเจ้า

13. เอาใจเขามาใส่ใจเรา เมตตา อภัย
........ทุกคนมีความผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว

14. ไม่ไว้ใจเกินไป ไม่กังวลเกินเหตุ
ไม่ยกโทษเกินสามครั้ง ไม่แทงข้างหลัง ไม่อยู่ใกล้คนเลว

15. ประโยชน์เขา คือประโยชน์เรา ต้องรู้รักษาสมดุล

16. ให้ก่อนแล้วจึงรับ อย่าเป็นผู้รับแต่ฝ่ายเดียว

17. เรียนรู้จากเขา แต่อย่าเอาอย่างเขา
ไม้ใหญ่ไม่อยู่ใต้ร่มเงาใคร ทุกคนยิ่งใหญ่ได้ในแบบของตนเอง

18. เมื่อไปเยี่ยมจงมีของฝาก เมื่อกล่าวคำลาจงอย่าเบียดเบียน

19. ลับคม "ปัญญา" ให้ทัดเทียม
เพื่อความรื่นรมณ์ในการสนทนา

20. ทุกคนคือเพื่อนร่วมวัฏฏะ
ทำดีต่อเขาด้วย จิตว่าง ถือเป็นการฝึกฝนใจตนเอง

Cr.
~พศิน อินทรวงค์~



วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

9 กำลังใจ

9 กำลังใจ

1. อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่
และอย่าแคร์ สายตาใคร
ตราบใดที่เรา ยังหายใจ
ด้วยจมูกของเราเอง

2. คนอื่น ไม่ให้โอกาสเรา
ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเรา
ไม่ให้โอกาสตัวเอง

3. กระจก ไม่เคยดูถูกใคร
มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง

4. คนฉลาด ไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง
แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่าง
จากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น

5. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ
คนที่ได้ทำ ในสิ่งที่อยากทำ
ไม่ใช่เพราะได้ทำ
ในสิ่งที่ คนอื่นอยากให้ทำ

6. อย่าเป็นคนเก่ง ที่แล้งน้ำใจ
แต่จงเป็น คนธรรมดาทั่วไป
ที่มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว

7. มองปัญหา ให้เหมือนกับ เม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทราย ก็เล็กนิดเดียว

8.  ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก
เพราะขนาดดินสอ ยังต้องมียางลบ

9. ใครจะดูถูกเรา ก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป
แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง

Cr. Forwarded Line

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

28 ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต



1. อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหหลืออยู่แค่นั้นก็ได้

2. เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จงเป็นผู้ฟังที่ดี อย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ

3. จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น

4. อยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ตามทางบ้าง เพราะมีอะไรดี ๆ บางอย่างซ่อนอยู่

5. จะคิดทำการใด จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย

6. หัดทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น จนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาได้รับรู้

7. จงจำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

8. เวลาเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็จงปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ

9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง

10. จงให้โอกาสผู้อื่น เป็นครั้งที่สอง แต่อย่าให้ถึงสาม

11. อย่าไปวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า

12. ทำตัวให้สบาย ๆ อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อะไร ๆ ก้ไม่สำคัญอย่างที่เราคิดไว้แต่แรกหรอก

13. ใช้เวลาให้น้อย ๆ ในการคิดว่า ใครผิด แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า อะไร เป็นสิ่งที่ผิด

14. จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย แต่กำลังสู้กับ ความโหดร้าย ในตัวคน

15. โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรา มีภาระในการเก็บรักษาความลับ

16. ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อย ๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่

17. เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก

18. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานะการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

19. มีมารยาทและอดทนกับคนสูงวัยกว่าเสมอ

20. อย่าให้ปัญหาของเราต้องทำให้คนอื่นเบื่อหน่าย ถ้ามีใครถามว่า เป็นไง ตอบไปเลยว่า สบายมาก

21. อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ช.ม เท่ากัน

22. จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว

23. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น

24. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น

25. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหน ในสายตาคนรอบข้าง

26. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ กว้างขวาง มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ยืนยาว

27. บางครั้ง ! อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

28. ว่ากันว่า มี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญา และจิตใจของใคร ๆ ก็ตาม

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

4 อย่า... (แล้วชีวิตจะมีสุข)

○○ 4อย่า…(แล้วชีวิตจะมีสุข) ○○

 1. อย่าเป็นนักจับผิด
      คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ‘กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก’ คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง จงมองคน-มองโลกในแง่ดี (( แม้ในสิ่ง ที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข ))

 2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
      ’แข่งกันดี ไม่ดีสักคน – ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน’ คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว คือ ‘เจ้ากรรมนายเวร’ ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น…เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจ

      ***เรา ริษยา 1 คน เรา ก็ มี ทุกข์ 1 ก้อน ( หนักเปล่าๆ )*** จงถอดถอนความริษยาออกจากใจโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’ แล้วปล่อยวางไป

      3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
      90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’ มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก… เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขา พร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลัง (หนักป่ะล่ะ??) ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงตัด และปล่อยมันซะ

      ’อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’
‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น อย่าไปยึดติดกับอดีต แล้วชีวิตจะเป็นสุข’
—จงให้กายอยู่กับจิต และ ใช้จิตอยู่กับกาย—-

      4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
      ’ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติม-ยิ่งไม่เต็ม’ ทุกอย่างต้องดู คุณค่าแท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าแท้ของนาฬิกา คือไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คือไว้สื่อสาร ไม่ใช่มีไว้เพื่อความโก้หรู ลองถามตัวเราเองซิว่า ‘เกิดมาทำไม’

      ’คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ‘ตามหา – แก่น ‘ ของชีวิตให้เจอ พยายามวางกิเลส ทั้ง โลภ โกรธ หลง ให้ได้มากที่สุด แล้วชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอน…

Cr: Forward LINE



วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

คมปัญญา ปรัชฌาจีน

คมปัญญา ปรัชญาจีน
.................................

Great souls have wills, feeble ones have only wishes.
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ย่อมมีความตั้งใจ แต่จิตวิญญาณที่อ่อนแอมีแต่ความปรารถนา

He who asks is a fool for five minutes, but he who does not ask remains a fool forever.
คนที่หมั่นถามจะเป็นคนโง่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่คนที่ไม่ถามจะเป็นคนโง่ไปตลอดกาล

If you wish to know the mind of a man, listen to his words.
หากอยากรู้ว่าคนผู้นั้นมีจิตใจเป็นอย่างไร จงตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด

To know the road ahead, ask those coming back.
การถามผู้ที่กลับมา ทำให้รู้ถึงถนนหนทางข้างหน้า

Without rice, even the cleverest housewife cannot cook.
เมื่อไม่มีข้าว แม้แต่แม่บ้านที่ฉลาดที่สุดก็หุงข้าวไม่ได้

War does not determine who is right, war determine who is left.
สงครามไม่ใช่ตัวตัดสินว่าใครถูก แต่ตัดสินว่าใครจะมีชีวิตเหลือรอด

Those who know when they have enough are rich.
คนที่รู้จักพอ คือคนที่ร่ำรวย

When the ear will not listen, the heart escapes sorrow.
เมื่อหูไม่ยอมฟัง หัวใจย่อมไม่เศร้าโศก

Virtue cannot live in solitude, neighbors are sure to grow up around it.
ความดีมิอาจอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว มิตรสหายย่อมงอกงามขึ้นรอบๆ มัน

Everything has its beauty but not everyone sees it.
ทุกอย่างมีความงามในตัวเอง ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็น

You must judge a man by the work of his hands.
จงตัดสินคนจากผลงานของเขา

The sun will shine on those who stand before it shines on those who kneel under them.
แสงอาทิตย์ย่อมส่องถึงผู้ที่ยืนก่อนผู้ที่นั่งอยู่ข้างล่าง

Distant water won't help to put out a fire close at hand.
น้ำที่อยู่ไกลมือ มิอาจดับไฟที่อยู่ใกล้มือ

The greatest victory, is the battle not fought.
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการรบที่ไม่มีการต่อสู้

Laws control the lessers man...Right conduct controls the greater one.
กฏหมายใช้ควบคุมผู้ต่ำต้อย ความถูกต้องใช้ควบคุมผู้ยิ่งใหญ่

Do not look where you fall, but where you slipped.
อย่าไปมองว่าล้มตรงไหน ควรหาว่าลื่นตรงไหน

(Cr : www.indepencil.com)



วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

7 วิธีคิด ใช้ชีวิตให้น่าอยู่ในวันนี้



1.ยอมรับ อดีต อย่างสงบ เพื่ออยู่กับปัจจุบัน ได้ด้วยดี
2.ใครจะคิดอย่างไรกับเรา เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
3.เวลา รักษาได้ทุกอย่าง จงให้เวลากับเวลา
4.ไม่มีใครเป็นสาเหตุแห่งความสุขของเรา นอกจากตัวเรา
5.อย่าเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นเลย เพราะเราไม่รู้หรอกว่า ที่จริงแล้วเขาผ่านชีวิตมาอย่างไรบ้าง
6.หยุดคิดมาก บางเรื่องไม่ต้องรู้คำตอบบ้าง ก็ไม่เป็นไรนะ
7.จงยิ้ม ปัญหาในโลก ไม่ใช่ปัญหาของเราคนเดียวซักหน่อย.^^

-Cr. :Incrystal -



วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

เข้าใจจีน__เข้าใจเรา



::: เข้าใจจีน...ใจเขาใจเรา :::

ได้โปรดเข้าใจคนจีน...
คนจีนมีมากถึง 1.4 พันล้านคน
แต่คนจีนเกือบครึ่งประเทศไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาจีนกลางเข้าใจได้ เพียงแต่สามารถอ่านตัวอักษรจีนได้
เราจึงพบว่า ทีวีจีน ภาพยนตร์จีน แม้มีเสียงพูดภาษาจีนแล้ว แต่ยังต้องมีคำบรรยายภาษาจีนอีกด้วย

จีนยังเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 25 เท่า พื้นที่กว้างขวางถึง 5 เส้นแบ่งเวลา ซึ่งแม้ทั้งประเทศจะใช้เวลาเดียวกันก็ตาม แต่เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในฟากตะวันออกและฟากตะวันตกของประเทศนั้น ห่างกันถึง 5 ชั่วโมงในบางฤดูกาล

ภูมิประเทศและภูมิอากาศก็ต่างกันสุดขั้วในแต่ละพื้นที่ อาหารการกินก็ต่างกัน ภาษาพูดก็ต่างกัน วัฒนธรรมก็ต่างกัน

ดังนั้น คนจีน ในแต่ละพื้นที่จึงมีบุคลิกและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน

คนจีนทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีบุคลิกนุ่มนวลอ่อนหวาน พูดจาไพเราะนิ่มนวล แต่ใจแข็ง ไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ

คนจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ พูดน้อย แต่ตรงไปตรงมา ไม่รักษาหน้าใคร
คนจีนทางตะวันตกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง กระโชกโฮกฮาก ใจร้อน แต่โกรธง่ายหายเร็ว

คนจีนทางตะวันออกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง แต่ใจกว้าง
ปักกิ่ง เรียบง่าย พูดเพราะ เสียงเบา ไม่ถือตัว
เซี่ยงไฮ้ หรูหรา โอ้อวด และหยิ่ง ฯลฯ เป็นต้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ คนจีนมองประเทศไทยและคนไทยดีมาก คนจีนมองคนไทยเป็นเหมือนญาติ เหมือนเพื่อนสนิท ไม่มีพิษมีภัย คนไทยมีนิสัยน่ารัก ใจดี และประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เทียบชั้นยุโรป ในสายตาคนจีน

คำว่า ประเทศไทย ในภาษาจีน คือ 泰国 อ่านว่า ไท่กั๋ว
ไท่ (泰)เป็นคำมงคล หมายถึง รุ่งเรือง ร่ำรวย ดีงาม
กั๋ว (国) หมายถึง ประเทศ
ประเทศไทยจึงมีชื่อเรียกที่ดีมากในแง่ภาษาและวัฒนธรรมจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเทศจีนได้เป็นอย่างดี

ภาพยนต์ไทย ละครไทย ฮิตกันทั่วประเทศจีน ร้านขายของที่ระลึกไทย ร้านให้เช่าพระเครื่องไทย ผลไม้ไทย ฯลฯ มีอยู่ดาษดื่น

ข้าวหอมมะลิไทย คือ ข้าวที่ดีที่สุดในโลกในความรู้สึกของคนจีน
ร้านค้าออนไลน์บน Taobao.com ยังมีขายแม้กระทั่งบัตรโทรศัพท์ไทย สำหรับคนจีนที่จะไปเที่ยวประเทศไทย

ในอีกด้านหนึ่ง คนจีนมีลักษณะที่คล้ายๆ คนไทย คือ คนจีนมักรู้สึกน้อยใจและโกรธเมื่อถูกเหยียดหยามเชื้อชาติ ซึ่งหากเกิดเป็นกระแสขึ้นมาแล้วก็จะลุกลาม และขยายใหญ่โตรุนแรงอย่างรวดเร็วมาก

เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมหาศาล และมีชาตินิยมรุนแรง กรณีดังกล่าวจึงมักบานปลายจนเกินคาดคิด ถึงขั้นรัฐบาลจีนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อดับกระแสอยู่บ่อยครั้ง

หลายปีก่อน คนจีนเคยน้อยใจประเทศฝรั่งเศส เพราะประธานาธิบดีฝรั่งเศสพูดจาดูถูกประเทศจีน เท่านั้นก็ทำให้เกิดกระแสต่อต้านฝรั่งเศส สินค้าฝรั่งเศสขายไม่ออก รถยนต์ยี่ห้อซีตรองซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นรถยนต์หรูหรา กลับกลายเป็นรถยนต์ที่น่ารังเกียจเพียงแค่ข้ามคืน (จนถึงปัจจุบัน)

กล้วยหอมซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์นั้นหายไปจากตลาดจีน ทำให้กระทบกระเทือนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ เนื่องจากคนจีนไม่ยอมซื้อ เพราะกรณีพิพาททะเลจีนใต้ และประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปากไว วิจารณ์ประเทศจีนแรงไปสักนิด

ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในหลาย ๆ เมืองถูกทุบทำลาย รถยนต์ญี่ปุ่นนับพันคันทั่วประเทศถูกไล่ทุบไล่ตีกลางถนน สินค้าญี่ปุ่นถูกกระชากออกจากมือผู้ใช้แล้วทุ่มลงพื้น ฯลฯ เพราะกระแสเกลียดชังญี่ปุ่นที่เคยขึ้นเป็นครั้ง ๆ

แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนไทย ไม่เคยเกิดขึ้นกับสินค้าไทย และไม่เคยเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ประเทศไทย หากคนไทยไปไหนมาไหนในประเทศจีนก็มักจะได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้มเป็นอย่างดี คนจีนกุลีกุจอให้คำแนะนำช่วยเหลือ พูดจาโอบอ้อมอารี มีน้ำใจและรอยยิ้มให้คนไทยอยู่เป็นประจำ

กระทั่งเร็วๆ นี้ กระแสผิดหวังและน้อยใจคนไทยเริ่มเกิดขึ้นในประเทศจีน เนื่องจากกระแสข่าวของสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดียในประเทศไทย ซึ่งด่าเหยียดหยามประนามนักท่องเที่ยวจีนอย่างรุนแรง ทำให้ขณะนี้เริ่มกลายเป็นกระแสต่อต้านประเทศไทยและคนไทยขึ้นในประเทศจีน

สื่อมวลชนจีนเริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนจีนและคนไทย ในลักษณะการให้เกียรติทางชาติพันธุ์และศักดิ์ศรีของประเทศ และเริ่มนำเสนอมุมมองในด้านไม่ดีของประเทศไทยมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ แทนที่แต่เดิมนั้นแทบไม่เคยปรากฎด้านไม่ดีของประเทศไทยทางสื่อมวลชนจีนแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าน่าเป็นห่วง เพราะอาจลุกลามบานปลายไปถึงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประเทศ

ในแต่ละประเทศ ในแต่ละเชื้อชาติ ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน ย่อมมีทั้งผู้มีมารยาทสังคมดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเชื้อชาติใด

อีกทั้ง โลกในปัจจุบันนั้นมีการสื่อสารที่ไร้พรมแดน และภาษาไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป เรื่องราวใดเกิดขึ้นในประเทศไทยก็อาจได้ยินถึงอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

การดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติในลักษณะเหมารวม นอกจากไม่สมเหตุสมผลแล้วยังอาจทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ซึ่งยากต่อการแก้ไข และไม่เป็นผลดีกับใคร

Cr. Noppanan Arunv

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Google Maps ช่วยได้ เช็คเวลาระบบขนส่งมวลชนแบบเรียลไทม์


News by CK7 - Jun 3, 2015

ในสภาพการใช้ชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา การวางแผนการเดินทางเพื่อให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างตรงเวลาถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถตรวจสอบระยะเวลาได้ว่าระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการโดยสารจะมาถึงจุดที่เราอยู่ในอีกกี่นาที
    Google Maps ระบบแผนที่นำทางที่ก้าวหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจระยะเวลาได้ว่าระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ต้องการโดยสารจะมาถึงจุดหรือสถานีที่เราอยู่ภายในกี่นาทีได้แบบเรียลไทม์
     ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ Googleได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 100 ราย และมีการทดลองใช้งานใน 6 สถานที่ในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, บูดาเปสต์, ชิคาโก, ซาน ฟรานซิสโก และซีแอตเทิลทั้งนี้ประโยชน์ในฟีเจอร์ใหม่ของ Google Maps จะช่วยให้ผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนสามารถรับทราบระยะเวลาที่แน่นอน และสามารถวางแผนการเดินทาง เพื่อไปถึงจุดหมายได้อย่างตรงเวลา ซึ่งก็หวังว่าฟีเจอร์นี้จะใช้ได้ในประเทศไทยในเร็วๆ นี้

ที่มา : Androidauthority

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โสมขาวคอนเฟิร์ม ไวรัส 'MERS' คร่าแล้ว 2 ศพ ติดเชื้ออีก 25 คน



โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

ทางการเกาหลีใต้ยืนยัน พบผู้เสียชีวิตจากไวรัส เมอร์ส ในประเทศแล้ว 2 ราย เพียง 2 สัปดาห์หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ...สำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของประเทศยืนยันเมื่อวันอังคารว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส (MERS) แล้ว 2 ราย โดยนี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ในเกาหลีใต้ นับตั้งแต่มันถูกพบครั้งแรกในตะวันออกกลางเมื่อปี 2012ผู้เสียชีวิตรายแรกคือ หญิงวัย 58 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาเพราะต้องสงสัยว่าติดเชื้อเมอร์ส เสียชีวิตจากภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อวันจันทร์ ก่อนผลตรวจจะยืนยังว่าหญิงรายนี้ติดเชื้อเมอร์ส ส่วนอีกรายเป็นชายชราวัย 71 ปี ซึ่งได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เมื่อหลายวันก่อนยอนฮัปเผยด้วยว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศแล้ว 25 ราย หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อ 20 พ.ค. โดยเป็นชายอายุ 68 ปี ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย และกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยว่าสัมผัสเชื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม 682 คนถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการทั้งนี้ ไวรัสเมอร์ส อยู่ในกลุ่ม 'โคโรนาไวรัส' เป็นญาติกับไวรัสก่อโรคหวัดธรรมดา รวมถึงไวรัส 'ซาร์ส' ซึ่งเคยระบาดในปี 2003 ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 800 คนทั่วโลก โดยเมอร์สสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการหลากหลาย รวมถึงมีไข้, มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ, ปอดบวม และไตวาย

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันวิสาขบูชา "วันพระพุทธเจ้า"

วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลโลก Vesak Day 
 วันวิสาขบูชา Vesak Day วันสำคัญสากลของโลก

วันวิสาขบูชา 2558 Visakha Puja(Vesak Day)

 
      วันวิสาขบูชา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือราวเดือนพฤษภาคม แต่หากตรงกับปีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน วันวิสาขบูชาจะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน

         วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า “วิสาขปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (คือเดือน 6) ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ ในวันวิสาขบูชา ดังนี้
 
1. เป็นวันประสูติ นับเป็นวันที่รูปกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นบนผืนโลก  ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน 6 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ 5 วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
 
2. เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ร่มต้นอัสสัตถพฤกษ์ หรือต้นพระศรีมหาโพธิ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระมหาบุรุษได้ทรงบรรลุสัพพัญญุตญาณ
 
3. เป็นวันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ณ ป่าสาลวัน เมืองกุสินารา
 
    “เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวงรู้ธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฏฐิ ไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวงละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้วเพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึงอ้างใครเล่าอาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเราก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียวเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลสได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลองประกาศอมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ” 
 
    การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ เปรียบเสมือนดวงสุริยาที่ทอแสงให้ความสว่างในชีวิตแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงโดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง พระพุทธองค์เสด็จมาเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
 

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นทำในสิ่งที่อยากจะทำ



ไม่มีคำว่าสายเกินไป...
สำหรับการเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น
ใช้ชีวิตไปในเส้นทางที่คุณภูมิใจกับมันเถอะ

หากชีวิตไม่เป็นในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว 
จงกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง !!

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประมวลภาพกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาโครงการพัฒนาศักยภาพเพื่อการอนุรักษ์ @Palm Garden Hotel Pattaya

โรงแรมปาล์มการ์เด้น พัทยา ต้อนรับคณะเยาวชนตัวแทนนักเรียน-นักศึกษา โครงการพัฒนาศักยภาพเยวชนเพื่อการอนุรักษ์
(สำรวจสิ่งแวดล้อมโดยใช้ไลเคน"นักสืบสายลม") โดยกลุ่มอนุรักษ์อ่าวนาเกลือ
 (Conservation group of Ao Naklua)
   ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2558
 เวลา10.00 น. เป็นต้นไป










วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จบสูงเกรดสวยไม่ช่วยอะไรเมื่อ Google ประกาศไม่สนเกรดและสถาบัน



By :  Paul Kridakorn
on February 6, 2015
in Entrepreneurship
ถ้าใครติดตาม The CEO Blogger น่าจะเคยได้ยินผมเล่าให้ฟังเป็นระยะๆว่าผมได้ทำงานดูแลแผนกจัดซื้อต่างประเทศและขึ้นตรงกับเจ้าของบริษัทโดยใช้เพียงวุฒิมัธยมเท่านั้น เรื่องนี้ขัดแย้งกับความเชื่อและบรรทัดฐานของสังคมว่าการทำงานดังกล่าวต้องจบปริญญาและยิ่งเป็นงานบริหารต้อง MBA!แต่ในโลกของความเป็นจริงผมเชื่อเสมอว่าการศึกษาเป็นคนละเรื่องกับชีวิตจริง และความสามารถในการทำงาน การคิด วิธีคิดนั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการศึกษาในระบบ งานที่ผมทำไม่มีอะไรที่มีสอนในโรงเรียน และสิ่งที่ผมคิดได้ในงาน โรงเรียนก็ไม่เคยสอน!ในอดีตบริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะบริษัทเก่าแก่ในอเมริกามีความยึดติดกับสถาบันการศึกษาและเกรดการเรียนของผู้สมัครงานมาก แต่ปัจจุบัน ความเห็นเรื่องการศึกษาในระบบกับศักยภาพในการทำงานของคนเป็นคนละเรื่องเริ่มแผ่ไปยังบริษัทเอกชนโดยเฉพาะบริษัทคนรุ่นใหม่โดยล่าสุดผู้บริหาร Google เองก็ยอมรับแนวคิดนี้และเล่ากับสื่อว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษาและเกรดของผู้สมัครงาน ทำไม? แล้วพวกเขาให้ความสำคัญกับอะไรแทน?…Laszlo Bock ตัวแทนฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Google เคยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของ New York Times ว่า

1. คนจบจากสถาบันดัง เรียนสูง เกรดดี มีโอกาสมีอีโก้มากเกินไป

Google เปรียบคนที่เรียนเก่งมากๆ เมื่อทำงานอาจกลายเป็นคนจับจดทำอะไรไม่จบเพราะมัวขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบชนิดผิดไม่ได้ และยอมให้คนอื่นติติงเห็นต่างไม่ได้Google ต้องการคนที่มีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะน้อมรับความเห็นและถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าเสมอ หากเปรียบกับวลีไทยๆ ก็คือ คนที่ทำตัวเป็นน้ำพร่องแก้วย่อมมีที่ให้เติม แต่คนที่เป็นน้ำเต็มแก้วนั้นสอนหรือเรียนรู้อะไรอีกไม่ได้เลย

2. คนที่สร้างผลงานและมีประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบคือทรัพยากรบุคคลที่มีค่ามาก

คนเก่งๆ ที่ประสบความสำเร็จ มีผลงาน มีประสบการณ์ โดยที่เรียนไม่จบมีมากมายแต่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เราไม่สามารถใช้วิธีเข้าไปสรรหาพวกเขาตามสถาบันชั้นนำแบบที่บริษัทใหญ่ๆในอดีตนิยมทำ (ตั้งโต๊ะซื้อตัวหน้ามหาวิทยาลัยในฤดูจบการศึกษา)หลายทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาในระบบอันแพงลิ่วก็ไม่ส่งมอบผลิตผลบัณฑิตที่มีคุณภาพได้ตามปรัชญามาแต่ไหนแต่ไร บัณฑิตจำนวนมากจบมาพร้อมกับหนี้สินและความรู้ที่ไม่สามารถนำไปหาเงินใช้หนี้ให้ตัวเองได้ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่ Google เจอคนเก่งๆ ที่ปรากฏตัวอยู่นอกระบบการศึกษา มันเปรียบเสมือนการเจอของจริงที่ต้องล่าพามาเป็นทรัพยากรบุคคลของบริษัทให้ได้

3. ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วมีความสำคัญกว่า IQ

Bock บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในสถาบันการศึกษาในระบบไม่อาจเป็นหลักประกันได้ว่าจะเป็นคนทำงานเก่ง ทั้งนี้สภาพแวดล้อมในรั้วมหาวิทยาลัยถูกจัดวางมาเสมือนห้องทดลอง เขาเรียกว่า “artificial environment” อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดมาแล้วและนักศึกษาก็ถูกสอนให้คิดแบบเป็นเส้นตรงและอยู่ในกรอบสำหรับกูเกิ้ล… ความฉลาดแบบ IQ มีความสำคัญน้อยกว่าความสามารถในการเรียนรู้เร็วแบบเรียนไปทำไปปรับตัวไป! พวกเขามองหาคนที่มีความสามารถในการคิดและจับต้นชนปลายข้อมูลดิบต่างๆ ที่แตกกระจายเป็นส่วนๆ มาตกผลึกทางความคิดและสร้างแนวทางการทำงานหรือแก้ปัญหาได้ โดยมีแบบทดสอบเพื่อใช้พิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเรียกว่า structured behavioral interviews

สรุป

ผมจำได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน บริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือต่างประเทศต่างให้ความสำคัญของสถาบันการศึกษาบางแห่งจะรับคนต้องยึดเอาจากชื่อสถาบันที่จบให้ความสำคัญกับเกรด ต้องเกรด 3.00 ขึ้นไปหรือ 4.00 เป๊ะถึงจะรับทำงานดูคณะ ดูเกียรตินิยม ฯลฯแต่วันนี้โลกของเรามีปริมาณบัณฑิตล้นหลามเกินกว่าตำแหน่งงานจะรับไหว คนจบปริญญาตรีออกมาพิมพ์เดียวกันหมด ดังนั้นวุฒิตอบอะไรไม่ได้มากอีกแล้ว บริษัทขนาดเล็กเติบโตเร็วโดยเฉพาะพวกเทคสตาร์ทอัพต่างพากันให้ความสนใจกับพวก Independence คนเก่งที่มีหัวคิดอิสระ เรียนไปทำงานไปแล้วสามารถสร้างผลงานของตัวเองขึ้นมาได้ในประเทศไทยอาจจะยังไม่ค่อยบูม แต่ในอเมริกามีคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นทีละน้อยๆ หากพวกเขารู้ว่าใครเป็นคนเก่งในสายงานที่เขาต้องการ แม้ยังเรียนไม่จบก็อาจเป็นข้อยกเว้นเพื่อขอตัวมาร่วมทีมกับนายจ้างไฮเทคเหล่านั้นครับ

By Paul Kridakorn on February 6, 2015 in Entrepreneurship

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อาลัยแด่ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)


พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)ละสังขารแล้ว
วันที่ 16 พ.ค. 2558 เมื่อเวลา 11.45 น.

 10 คำคม หลวงพ่อคูณ "กูให้มึง"

1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้
2. กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง
3. กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา
4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ
5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญ ก็ไม่รู้จักกัน
6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน
7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก…ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง
8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน
9. เกิดมาแล้ว รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น
10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท



รวมคำสอนของหลวงพ่อคูณ

"กูไม่เป็นไรดอก ไม่ได้ป่วย ไม่เป็นอะไร" พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) หรือหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา กล่าวอยู่เสมอๆ ตลอดเวลาที่ลูกศิษย์ลูกหา เดินทางไปเยี่ยมเยียนอาการอาพาธของท่านถึงแม้ในวันที่เราสุดอาลัย กับการจากไปของท่าน

 ขอรวบรวมคำสอนของหลวงพ่อคูณมาฝากกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย แม้ในวันที่ไม่มีท่านหลวงพ่อคูณ สอนสั่งในด้านต่างๆ ไว้มากมาย เราจะหยิบยกทั้งหมดมา คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราขอนำเสนอแง่คิด คำสอนที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

สอนคนไทยมีศีลธรรม
- อยากให้บ้านเราเจริญนะ ไม่ยากหรอก ตั้งอยู่ในองค์ปัญจะทั้ง 5 คือรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ หรือใครก็ตาม แม้แต่พระเราก็ต้องรักษาศีล 5 ถ้าไม่มีศีล 5 ประจำใจ ไม่ว่าพระรูปใดรูปหนึ่ง ก็เป็นพระไม่ได้เหมือนกัน

บุญบาป
- กูไม่มีอะไรมาก กูไม่มีอะไรจะสอนพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงก็รู้ว่ากูพูดไม่เป็น พูดไม่เก่งเหมือนเขา เทศนาว่ากล่าวอะไรก็ไม่เป็น กูมีแต่ว่าให้ละชั่ว ทำดีกันเท่านั้นแหละ บุญบาปมีจริงลูกหลานเอ๊ย ให้เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ให้ละชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ บุญเห็นกับตา บาปเห็นกับตา รักตัวกลัวภัยอย่าทำชั่ว ให้ตั้งอยู่ในเมตตา
- คนนับถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องเชื่ออะไร เชื่อบุญมีจริง บาปมีจริง ก็ใช้ได้ เท่านั้นพอ ไม่ต้องทำอะไร- พ่อแม่อยู่บนบ้าน มึงไม่ทำบุญเลย มึงควรทำบุญทุกวันก็จะได้มาก มึงอย่ามัวรอทำบุญ 100 วันมึงจะได้สักเท่าไร

- คนทำบุญนี้ ก็ต้องฝึกมาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อเคยฝึกทำมาแล้ว ภายหลังมีเงินมีทอง จะบริจาคก็ไม่เสียดายความประมาท-การขับรถอย่างระมัดระวังไม่ประมาท สำคัญกว่าการเจิม อย่างโบราณท่านว่า วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็ชนกันตาย การขับรถจะต้องดูทาง ถ้ามันคดโค้งจะต้องระมัดระวังรู้จักหน้าที่-ลูกหลานเอ๋ย...การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลยการเป็นผู้นำ-หากมึงคิดเป็นผู้นำของแผ่นดิน องค์กรหรือครอบครัวที่ดี มึงต้องทำตัวเหมือนกระโถน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีเลว เรื่องดีมึงเก็บไว้กับตัว เรื่องเลวมึงทิ้งไว้ตรงนั้น แม้เขาถูกหรือผิดมึงก็ต้องรับฟังค่อยๆ บอกให้เขาแก้ไขเลี้ยงลูก-มึงอย่าไปดุไปด่าลูกมัน จะเป็นไปตามปากมึง ให้เรียกมันอีคนดี ไอ้คนดี โตไปมันจะได้เป็นคนดีของสังคม เพราะพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างให้กับลูก ถ้ามึงด่ามันเลว มันก็จะไปทำเรื่องไม่ดี พ่อแม่เองก็ต้องไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ทำเรื่องไม่ดีที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูกสอนคนทำงาน- คนส่วนใหญ่ที่มาวัดเพราะมันมีทุกข์ ถ้าไม่มีทุกข์ไอ้คนพวกนี้มันก็ไม่เข้ามา แต่ถ้ามึงงานยุ่งไม่เข้าวัดไม่เป็นไร มึงก็ตักบาตรอยู่หน้าบ้านก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องตักบาตรทีละร้อยๆ องค์ ตักบาตรวันละองค์สององค์ตามกำลังมึง พอทำบุญแล้วร่างกายมึงจะแข็งแรง ความคิดความอ่านปลอดโปร่งเฉียบแหลม เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ อาชีพที่มึงทำอยู่ก็จะก้าวหน้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่า พ่อแม่มึงสอนให้ทำบุญตักบาตรตั้งแต่ยังน้อยหรือเปล่า? ถ้ามันสอนมาลูกหลานก็กล้าทำบุญเข้าวัด แต่ถ้ามึงไม่สอนมันก็ไม่กล้าทำบุญ ไม่กล้าเข้าวัดเกี่ยวกับวัตถุมงคล- วัตถุมงคลเหมือนเปลือกไม้ หากผ่านเปลือกไปได้ท่านก็จะถึงแก่น ซึ่งการฝ่าเปลือกไม้ไปได้ท่านต้องรู้จักให้ทานเรื่องจริงทั่วๆ ไป
- คนเราเมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล- โลภ โกรธ หลง มึงอย่าไปหลงงมงายเชียวน่ะ ถ้ามึงไม่อยู่ในศีลในธรรมมึงก็จะเป็นไปตามกรรมที่มึงสร้างไว้- อย่ามัวมองคนอื่นว่าเขาไม่ดี แต่เราต้องมองตนเองก่อนว่าดีพอหรือยัง

สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม ตามกฎหมายใหม่ พ.ศ. ..

ลิงก์ผู้สนับสนุน เรียบเรียงข้อมูลโดย Ch7 News Online

จากกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ได้ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวาระที่ 3 เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้

ซึ่งรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับใหม่นี้ ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน ที่สำคัญเอาไว้ดังนี้

ผู้จงใจให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือตาย โดยไม่ใช่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
กฎหมายเดิม ไม่ได้รับสิทธิความคุ้มครอง
กฎหมายใหม่ ได้รับสิทธิความคุ้มครองผู้

ประกันตนประสบอันตรายหรือบาดเจ็บ
กฎหมายเดิม ได้รับเฉพาะค่าตรวจวินิจฉัยโรค ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ากินอยู่ และรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่ายา และค่าเวชภัณฑ์ ค่ารถพยาบาล หรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย
กฎหมายใหม่ เพิ่มสิทธิประโยชน์ในเรื่องค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และค่าใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกันตนในกรณีได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์

ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ผู้ประกันตนคลอดบุตร
กฎหมายเดิม สิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตรสำหรับตนเองหรือภริยา หรือสำหรับหญิงซึ่งอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยากับผู้ประกันตนโดยเปิดเผย ซึ่งได้ประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตรให้ผู้ประกันตนแต่ละคนมีสิทธิได้รับสำหรับการคลอดบุตรไม่เกิน 2 ครั้ง โดยเหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท และเงินสงเคราะห์กรณีหยุดงาน 90 วัน
กฎหมายใหม่ คงสิทธิตามเดิม แต่ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการรับสิทธิประโยชน์ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมพิจารณาจากการที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดที่น้อยลง ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น จึงเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจให้ผู้ประกันตนมีความสามารถในการดูแลบุตรได้มากขึ้นการสงเคราะห์บุตรของผู้ประกันตนกฎหมายเดิม ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร สำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุ 0-6 ปี โดยบุตรชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น โดยเป็นการเหมาจ่ายรายเดือนๆ ละ 400 บาทต่อคน จำนวนคราวละไม่เกิน 2 คนกฎหมายใหม่ แก้ไขสิทธิเพิ่มเติมเป็นคราวละไม่เกิน 3 คน

ผู้ประกันตนทุพพลภาพ
กฎหมายเดิม ให้สิทธิประโยชน์ในกรณีที่ผู้ประกันตน ต้องสูญเสียสมรรถภาพของร่างกาย 50% ขึ้นไป ถึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพ และผู้ทุพพลภาพอยู่ก่อนวันที่ 31 มี.ค. 2538 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 15 ปี
กฎหมายใหม่ เพิ่มสิทธิให้ผู้ประกันตนซึ่งสูญเสียสมรรถภาพของร่างกายไม่ถึง 50% ก็มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพตามกฎหมาย และให้สิทธิแก่ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพที่อยู่ก่อนวันที่ 31 มี.ค. 2538 ให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ตลอดชีวิต

ผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย โดยมิใช่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
กฎหมายเดิม ถ้าก่อนถึงแก่ความตายผู้ประกันตนได้ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 10 ปี ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เป็นจำนวนเท่ากับ 50% ของค่าจ้างรายเดือนที่คำนวณได้ คูณด้วย 3
กฎหมายใหม่ คงสิทธิประโยชน์ และปรับเพิ่มเป็นคูณด้วย 4กรณีก่อนถึงแก่ความตาย

ผู้ประกันตนได้ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยมิใช่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
กฎหมายเดิม ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เป็นจำนวนเท่ากับ 50% ของค่าจ้างรายเดือนที่คำนวณได้ คูณด้วย 10 นั้นกฎหมายใหม่ คงสิทธิประโยชน์ และปรับเป็นคูณด้วย 12การระบุบุคคลผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพกฎหมายเดิม กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ไม่มีทายาท เช่น บิดา มารดา บุตร และคู่สมรส ไม่สามารถทำหนังสือระบุบุคคลผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพไว้ล่วงหน้าได้ โดยเงินบำเหน็จชราภาพจะตกเป็นของกองทุน
กฎหมายใหม่ ผู้ประกันตนสามารถทำหนังสือระบุบุคคลผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพล่วงหน้าได้ โดยมีสิทธิได้รับร่วมกับทายาท หรือหากไม่มีทายาทหรือไม่มีบุคคลที่ทำหนังสือระบุ จะให้สิทธิแก่พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ได้ รวมทั้งขยายระยะเวลาการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนจาก 1 ปี เป็น 2 ปีสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน

กรณีเจ็บป่วยเรื้อรังจนถึงแก่ความตาย
กฎหมายเดิม ไม่ได้กำหนดสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน
กฎหมายใหม่ เพิ่มสิทธิประโยชน์ ได้แก่ เงินค่าทำศพ เงินสงเคราะห์กรณีตาย เงินชราภาพ แม้ส่งเงินสมทบไม่ครบตามสิทธิกรณี

ผู้ประกันตนว่างงาน
กฎหมายเดิม ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการว่างงานเมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออกเท่านั้นกฎหมายใหม่ เพิ่มให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานแก่ผู้ประกันตนกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากเหตุสุดวิสัยโดยยังไม่มีการเลิกจ้าง จะมีการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกจ้างทั้งนี้

 การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยสำนักงานประกันสังคม จะเร่งออกกฎหมายลูกอีก 17 ฉบับ เพื่อรองรับกฎหมายภายในกรอบเวลา 120 วันอีกด้วย

เรียบเรียงข้อมูลโดย Ch7 News Online

ร่วมแบ่งปันข่าวสาร โดย Suban Blog
www.suban2008.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

Daniel Fredinburg ผู้บริหาร Google เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาล

 จากกรณีแผ่นดินไหวเนปาล ขนาด 7.8 แมกนิจูด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ครอบครัว “Daniel Fredinburg” ผู้บริหารและวิศวกรแล็บ Google X ของกูเกิ้ล (Google) ตกอยู่ในความโศกเศร้า หลังเขาถูกหิมะบนยอดเขาเอเวอเรสต์ถล่มทับจนเสียชีวิต

 Daniel Fredinburg เดินทางไปปีนเขาเอเวอเรสต์ ร่วมกับคณะผู้เดินทาง โดยครอบครัวและคณะเดินทาง เปิดเผยว่า Daniel Fredinburg ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณศีรษะ ปวดทรมานเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาเป็นหนึ่งใน 10 ผู้เสียชีวิตจากเหตุหิมะถล่มบนเอเวอเรสต์ ขณะที่คณะผู้เดินทางคนอื่นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ Daniel Fredinburg จะเสียชีวิต เขาได้โพสต์ภาพขณะปีนเขาเอเวอเรสต์ และภาพขณะดื่มคาปูชิโน่บนเอเวอเรสต์ ลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

อุตุฯ พายุฤดูร้อน ฉบับที่ 10

 

ประกาศรูปแบบ pdf
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" 

ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 21 เมษายน 2558
    
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยแล้ว และจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนจนถึงวันที่ 25 เมษายน 2558 ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส และอากาศจะคลายความร้อนลง ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆ ดังนี้คือ
ในช่วงวันที่ 21-23 เมษายน 2558 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 22-25 เมษายน 2558 บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
และในช่วงวันที่ 23-25 เมษายน 2558 บริเวณภาคใต้
จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย
ประกาศ ณ วันที่ 21 เมษายน 2558 เวลา 23.00 น.
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 22 เมษายน 2558 เวลา 05.00 น.       
(ลงชื่อ) วันชัย ศักดิ์อุดมไชย
(นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
ร่วมเตือนภัยโดย Suban Blog http://suban2008.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

5 เทคนิค กู้ชีพมือถือ หากมือถือเปียกน้ำ

ยิ้มแย้มให้สบายใจได้เลย แม้ว่ามือถือจะเปียกน้ำจนชุ่มฉ่ำในช่วงสงกรานต์นี้ก็ตาม เพราะ "ไทยรัฐออนไลน์" มีเคล็ดไม่ลับมาแนะนำ รับรองว่าทำได้ทุกคน…กรี๊ดดดด!!! ไม่ว่าจะร้องกรี๊ด หรือหลุดปากอุทานแบบแมนๆ ว่า เฮ้ย เมื่อตอนมือถือคู่ใจของคุณประสบอุบัติเหตุเปียกชุ่มน้ำในช่วงเล่นสงกรานต์นี้...ก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจจนเสียขวัญ มือถือคู่ใจยังไม่จากคุณไปไหนแน่นอน เราคอนเฟิร์ม...!วิธีที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ได้เป็นความลับ และไม่มีค่าใช้จ่ายให้สิ้นเปลือง อ่อ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า นี่เป็นการ "ปฐมพยาบาลเบื้องต้น" ให้กับมือถือของคุณเท่านั้นนะ รีบดูแลอย่างถูกวิธีและส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและซ่อมแซมต่อไปด้วย...สาด(น้ำ)กันขนาดนี้ ถ้าไม่เก็บมือถือให้ดีล่ะก็...เละ!เริ่มกันเลย...กับ 5 เทคนิค กู้ชีพมือถือเปียก!!!

อย่าปิด-เปิดเครื่องเด็ดขาด!หลายคนต้องเคยพยายามทำสิ่งนี้แน่ๆ แต่เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นวิธีที่ผิด ผิดมาก และผิดมหันต์ เพราะการพยายามเปิดๆ ปิดๆ มือถือที่เปียกน้ำ ตกน้ำ หรือน้ำเข้าไปนั้น ยิ่งทำให้เครื่องมีโอกาสเกิดไฟฟ้าช็อตได้ ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้เครื่องเสียหายหนักเข้าไปอีก

ไดร์เป่าผมช่วยคุณได้แม้จะมีคนบอกว่าความร้อนจากไดร์เป่าผมก็อาจสร้างความเสียหายให้กับมือถือได้ นั่นก็จริง! แต่ถือเป็นวิธีเบื้องต้นที่สามารถใช้ได้และดีกว่าการเปิดๆ ปิดๆ เครื่องอย่างแน่นอน อ่อ…ต้องบอกว่ามีเคล็ดลับอย่างหนึ่ง คือ ควรใช้ไดร์ในโหมดลมเย็น ไม่ใช้ลมร้อนรุนแรง เพื่อป้องกันความเสียหายของชิ้นส่วนต่างๆ ที่จะถูกความร้อนจากไดร์

หรือจะลองใช้วิธีบ้านๆ อย่างการตากแดดก็เก๋และประหยัดไปอีกแบบ ห้ามวางทิ้งไว้เป็นเวลานานล่ะ วางแค่ครู่เดียวแล้วลองหยิบขึ้นมาสำรวจซักหน่อย ดูสภาพแดดบ้านเราด้วย เดี๋ยวมือถือจะละลายซะหมด

ถังข้าวสาร...ดูดความชื้นถือเป็นภูมิปัญญาจากอุปกรณ์ในครัวเรือนเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่าถังข้าวสารจะมีคุณสมบัติพิเศษหรอกนะ ความพิเศษนั้นอยู่ที่ข้าวสารต่างหากล่ะ... เพียงคุณเอามือถือที่มีความชื้นใส่ถุงพลาสติก อาทิ ถุงร้อนใส่แกง ถุงซิปล็อก โดยปิดปากถุงให้สนิทเสียก่อน แล้วค่อยนำไปซุกในถังข้าวสาร แนะนำให้ออกแรงซ่อนลงไปในข้าวสารแค่ลึกพอประมาณ ไม่ใช่ดันไปซะก้นถังหรือวางแปะเอาไว้ที่ด้านบนระวังมือถือจะเปียกชุ่มฉ่ำไปด้วยนะจ๊ะ

ใช้ไมโครเวฟ หรือรถจอดกลางแดด ไล่น้ำ?อย่าใจร้อนขนาดนั้นเชียวล่ะคุณ...เพราะไมโครเวฟ หรือรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ถือเป็นเตาอบความร้อนสูงดีๆ นี่เอง ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

ชุดซ่อมมือถือตกน้ำ?โลกเราพัฒนาไปไกลแล้ว ใครจะเชื่อว่าตอนนี้จะมีนวัตกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งโฆษณาสรรพคุณว่าช่วยซ่อมแซมมือถือ หรืออุปกรณ์ที่เสียหายจากน้ำเข้าเครื่องให้กลับมาใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมง!!! นวัตกรรมที่กล่าวถึงมีชื่อว่า รีไวฟ์อะโฟน (Reviveaphone) ซึ่งในชุดจะมีซองใส่เพื่อให้คุณเทน้ำยาและใส่มือถือ (ที่ปิดเครื่องแล้ว) ลงไปแช่ทิ้งไว้ 7 นาที โดยน้ำยาของรีไวฟ์อะโฟนจะช่วยไปกำจัดแร่ธาตุต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในน้ำและเป็นตัวการทำลายแผงวงจรมือถือ หลังจากนั้นต้องปล่อยให้แห้งประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วค่อยเปิดเครื่องเพื่อใช้งาน... ทั้งหมดนี้ 1 ชุดสนนราคาอยู่เกือบ 1,000 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนชอบลอง! หากใช้ดีก็มาบอกต่อด้วย เพราะเรายังไม่ได้ลองหากต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุดก็ง่ายนิดเดียว แค่ไม่พกพาอุปกรณ์และข้าวของมีค่าไปสาดน้ำสงกรานต์ด้วย เพราะอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ตลอด แม้คุณจะมีซองกันน้ำ หรือกระเป๋ากันน้ำใส่ข้าวของไปด้วย แต่ก็ไม่แน่...จังหวะที่แอบเปิดกระเป๋าหยิบของ หรือกำลังสไลด์มือถืออยู่เพลินๆ อาจโดนซุ่มโจมตีจากขันน้ำใบใหญ่ หรือปืนฉีดน้ำลายการ์ตูน ก็เป็นได้...!

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

อุตุฯ เตือนพายุฤดูร้อน ฝนส่อตกถึง 12 เม.ย.

          กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนประชาชนระวังพายุฝนฟ้าคะนอง ในช่วงวันที่ 8-9 เมษายน และ 11-12 เมษายน จะมีความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยอีกครั้ง             วันที่ 8 เมษายน 2558 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 8 ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้               บริเวณความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2558 ไว้ด้วย             อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11-12 เมษายน 2558 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยอีกครั้ง              
 ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน 2558 เวลา 11.00 น.          
 กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 10 เมษายน 2558 เวลา 11.00 น.
ภาพจาก
กรมอุตุนิยมวิทยา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรมอุตุนิยมวิทยา



วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ประมวลภาพน้ำท่วมพัทยา 8/04/58

เมื่อวันที่ 08 เม.ย 2558 มีฝนตกหนัก ถล่มเมืองพัทยา ประมาณช่วงเวลา15.30-17.00 น. ทำให้ถนนหลายสายในเมืองพัทยามีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายไม่ทัน ทำให้การสัญจรในช่วงเวลาดังกล่าวไม่สะดวก ซึ่งเป็นปกติหากมีฝนตกหนักๆก็จะท่วมตามท้องถนน แต่ใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้เป็นปกติครับ

Cr. รูปภาพจาก:เพจเรารักด่านพัทยา




วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

สถานีวิจัยปุ๋ยและพันธุ์พืช ปาล์มการ์เด้น พัทยา (โดย คุณวิจิตร ศุภรสหัสรังสี) :EM

** ขั้นตอนการผลิต **
-ปุ๋ยที่ผ่านการทดลองสำเร็จแล้ว
1.ปุ๋ยน้ำ สูตรใช้ทั่วไป
2.ปุ๋ยน้ำ สูตรฮอร์โมน (ไคโตซาน หัวกุ้ง)
3.ปุ๋ยน้ำ สูตรฮอร์โมน (ไคโตซาน กากปลา)
4.ปุ๋ยน้ำ สูตรไม้น้ำ (ไม้ป่าชายเลน : ลำพู ,ลำแพน ,โกงกาง เป็นต้น)
5.ปุ๋ยแห้งผสมNPK
 (ปุ๋ยคอกขี้ไก่,ขี้หมู ผ่านกระบวนการหมักด้วยEMแล้วตากแห้ง บดละเอียดแล้วผสมกับแร่ธาตุสังเคราะเพิ่มไนโตรเจน ฟอสเฟส โปรแทสเซียม เป็นต้น )
6.EM จุลินทรีย์

*** 6.EM จุลินทรีย์ 
EM จุลินทรีย์ สามารถผลิตใช้เองได้ มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก 
ประโยชน์ของ EM จุลินทรีย์มีมากมาย โดยเฉพาะใช้ในการบำบัดน้ำเสียในองค์กรหรือสถานประกอบการ โรงแรม เป็นต้น ชึ่ง EM จุลินทรีย์ จะช่วยให้น้ำที่บำบัดแล้วนั้น ลดกลิ่นเหม็นลงได้ และนำน้ำนั้นกลับมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ได้อีกด้วย ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำในการรดน้ำต้นไม้ได้อีกทาง  ,EM จุลินทรีย์เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในขั้นตอนการทำปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ ซึ่งใช้EM จุลินทรีย์ในขั้นตอนการหมักปุ๋ยอินทรีย์นั่นเอง...
ปัจจุบัน สามารถสั่งซื้อ EM จุลินทรีย์ได้ แต่ราคา EM จุลินทรีย์ที่ขายกันอยู่ปัจจุบันถือว่าราคาค่อนข้างสูงที่เดียว ยกตัวอย่าง EM จุลินทรีย์ที่เกษตรแม่โจ้ ผลิตและจำหน่าย โดยตั้งราคา EM จุลินทรีย์บรรจุขวดขนาด 1.5 ลิตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 60 บาท ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างสูง และหากต้องใช้ในปริมาณที่มาก ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ใน1ปีคงใช้เงินงบประมาณในการจัดซื้อเป็นหลักแสนบาทกันเลยทีเดียว ...
แต่ถ้าเราสามารถผลิตEM จุลินทรีย์ใช้เองได้ เราก็จะลดการสูญเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้มากโขเลยทีเดียว เนื่องจากเราสามารถใช้วัตถุดิบที่เหลือทิ้งมาผลิตได้ นั่นคือ ใช้เปลือกสับปะรด ซึ่งเหลือทิ้งจากร้านอาหาร หรือค๊อฟฟี่ ซอป นำมาตีหรือใช้เครื่องปั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหมักใส่ถัง200ลิตร เติมกากน้ำตาล น้ำ และผสมสารเร่ง พ.ด.6 (ของกรมที่ดิน)
คนให้เข้ากัน แล้วหมักทิ้งไว้1เดือน ปิดผาถังไม่ต้องสนิทให้อากาศสามารถเข้าได้ และคนให้เข้ากันทุกๆวัน หากมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวออกมา แปลว่ากากน้ำตาลน้อยเกินไป ให้เติมกากน้ำตาล แล้วคนให้เข้ากัน ทุกวัน สักประมาณหนึ่งเดือน น้ำในถังจะมีสีเหลืองเข้มๆ และมีกลิ่นสับปะรดจางๆ ก็สามารถนำไปใช้งานได้แล้ว โดยกรองเอาเฉพาะน้ำ แยกเปลือกสับปะรดที่เหลือเป็นกากทิ้งไป ก็จะได้ EM จุลินทรีย์ไปใช้แล้ว โดยไม่ต้องเสียเงินงบประมาณในการจัดซื้อมาแพงๆอีกแล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

อุตุเตือน ร้อนสูงสุดในรอบ 55 ปี

อุตุเตือนอากาศร้อน พุ่งสูงสุดในรอบ 55 ปี อาจระอุทะลุ 44 องศา!

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประเทศไทย ดวงอาทิตย์โคจรอยู่ในแนวตั้งฉาก มีสิทธิ์ร้อนระอุทะลุถึง 44 องศาเซลเซียส ในรอบ 55 ปี เทียบเท่าเมืองในทะเลทราย โดยเริ่มตั้งแต่ 9 เม.ย. ถึงกลาง พ.ค. โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน ที่ส่วนใหญ่เป็นหุบเขา ชุมชนเมือง ส่อความร้อนพุ่ง ส่วนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดอุณหภูมิทั่วประเทศ เฉลี่ย 37-38 องศาฯ เตือนหากอุณหภูมิถึง 40 องศาฯ หวั่นประชาชนปรับตัวไม่ทันอันตรายถึงชีวิต ด้าน สธ.ห่วงคนมีโรคประจำตัว-ผู้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ระวังเป็นลมแดด รวมถึงโรคที่มากับฤดูร้อน ทั้งท้องร่วง-พิษสุนัขบ้า สั่งทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมรับมือ...ประเทศไทยเตรียมเผชิญภาวะอากาศร้อนระอุแบบทะเลทรายจากดวงอาทิตย์โคจรอยู่ในแนวตั้งฉาก โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าประเทศไทยมีฤดูร้อน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-พ.ค.เท่านั้น ส่วนอากาศจะร้อนที่สุดวันใดขึ้นอยู่กับว่าความร้อนสะสมมากที่สุดช่วงใดของเดือน ประกอบกับรังสีของดวงอาทิตย์แผ่รัศมีกว้างไกล หรือวงดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในแนวตั้งฉากผ่านเหนือศีรษะพอดี ทำให้พื้นที่ที่ถูกปกคลุมล้อมรอบหุบเขา และพื้นที่ในตัวเขตเมืองชุมชน จะไม่มีลมช่วยผ่อนคลายลดอุณหภูมิ เกิดความร้อนอบอ้าวรุนแรง สำหรับปีนี้คาดว่าดวงอาทิตย์จะตั้งฉากตรงกับประเทศไทย เริ่มตั้งแต่พื้นที่ภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 9-10 เม.ย. จะมีอากาศร้อนที่สุดระหว่าง 36-37 องศาเซลเซียส จากนั้นดวงอาทิตย์จะเคลื่อนเข้ามาตั้งฉากพื้นที่ภาคกลาง ในวันที่ 27 เม.ย.ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศร้อนที่สุดระหว่าง 40-41 องศาเซลเซียสนายวันชัย กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่ภาคอีสาน ดวงอาทิตย์จะตั้งฉากในวันที่ 6 พ.ค. โดยเฉพาะพื้นที่ จ.เลย จ.หนองบัวลำภู จ.ศรีสะเกษ จะมีอากาศร้อนที่สุดระหว่าง 42-43 องศาเซลเซียส ในวันที่ 14 พ.ค. ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัวไปตั้งฉากในพื้นที่ภาคเหนือ อากาศร้อนรุนแรงที่สุดระหว่าง 42-43 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นอุณหภูมิสูงสุดของประเทศไทย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหุบเขา ไม่มีแหล่งน้ำช่วยคลายความเย็นได้ ทั้งนี้การตั้งฉากของดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัวไปเรื่อย โดยจะตั้งฉากจุดร้อนที่สุด แต่ละปีจะนานมากสุดไม่เกิน 2 วัน จากนั้นจะเคลื่อนที่ไปพื้นที่อื่น บางพื้นที่อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศา–เซลเซียส ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อากาศร้อนเทียบเท่าประเทศในทะเลทราย ตามสถิติอุณหภูมิสูงสุดในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ.2494-2557 พบว่า ปี 2503 มีอุณหภูมิสูงสุด 44.5 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และไม่เคยมีปีใด มีอุณหภูมิถึง 44 องศาเซลเซียสอีกเลย จนมาถึงครั้งนี้ สำหรับวันที่ 12-15 เม.ย. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อุณหภูมิทั่วประเทศเฉลี่ยอยู่ 37-38 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิจะสูงที่สุดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง หากมีฝนตกหรือได้รับอิทธิพลจากมรสุม อาจส่งผลให้อุณหภูมิไม่สูงที่สุดตามที่คาดการณ์กันไว้"ดังนั้นอุณหภูมิสูง 40 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นสภาพที่ร้อนจัด เพราะสูงกว่าอุณหภูมิร่างกาย 37 องศาเซลเซียส ประชาชนควรต้องปรับตัวระวังหยุดทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง เน้นกลุ่มบุคคลมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยเกี่ยวกับความดันสูง เพราะในปี 2557 มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากอากาศร้อนจัด จนเส้นเลือดสมองแตกหลายราย ขณะที่สัตว์เลี้ยง อาจจะร้อนตายได้เช่นกัน หรือหยุดให้ผลผลิต6 เช่น ไก่ไข่ อาจไม่ออกไข่ รวมถึงต้องระวังเด็กลงเล่นน้ำคลายร้อน เพราะอาจทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิตด้วย" นายวันชัย กล่าว ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในช่วงดวงอาทิตย์ตั้งฉากตรงกับประเทศไทยนั้น พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคลมแดดทุกปี เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันสูง และเบาหวาน รวมถึงผู้ติดเหล้า นักกีฬา คนงาน เกษตรกร หรือทหาร ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน มีรายงานข้อมูลผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 3-4 ราย นอกจากนี้ช่วงฤดูร้อนยังเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดโรคอุจจาระร่วง เกิดจากดื่มน้ำแข็ง และน้ำเปล่าไม่สะอาด ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โรคพิษสุนัขบ้า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมถึงมีเด็กลงเล่นน้ำคลายร้อนจมน้ำเสียชีวิต 807 ราย ทั้งนี้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข มีคำสั่งด่วนที่สุดถึงหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงโรงพยาบาลทุกแห่ง ต้องมีแผนป้องกันโรคภัยที่มากับฤดูร้อนแล้ว
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
อีกหนึ่งช่องทางการรับรู้ข่าวสารเตือนภัยผ่านทาง Torakhong Blogger : Suban Blog
 คลิ๊ก http://suban2008.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

ธรรมชาติ

ธรรมชาติ
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปในที่สุด
ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในธรรมชาติ

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

มะนาวคาเวียร์ หรือมะนาวนิ้วมือ เปรี้ยวไม้แพ้มะนาวไทย

มะนาวคาเวียร์ หรือมะนาวนิ้วมือ เปรี้ยวไม้แพ้มะนาวไทย

มะนาวนิ้วมือ หรือมะนาวคาเวียร์ ปลูกได้ในประเทศไทย มีหลายสีสัน เป็นถุงน้ำแตกเปะๆในปาก มีกลิ่นหอมอโรม่า อนาคตน่าสนใจ..



มะนาวคาเวียร์ หรือ มะนาวนิ้วมือ

ผลไม้แปลก"มะนาวคาเวียร์" หรือ "มะนาวนิ้วมือ" รสเปรี้ยว ไม่แพ้มะนาวไทย บริโภคและปลูกได้ในไทยFinger lime หรือมะนาวนิ้วมือ เป็นมะนาวของประเทสออสเตรเลีย ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์เป็นจำนวนมาก เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย และนำมาขยายพันธุ์ในบ้านเรา ซึ่งขณะนี้มีจำหน่ายกิ่งเสียบยอด จำนวน 18 สายพันธุ์ ลำต้นต้นสูง 2-7 เมตร  มะนาวนิ้ว หรือมะนาวคาเวียร์ เนื้อมีหลายสีสัน เป็นถุงน้ำแตกเปาะๆในปาก ผลและเนื้อในมีกลิ่นหอม อโรม่า แตกต่างจากมะนาวทั่วไป แต่ละสีมีชื่อเรียกและรสสัมผัสที่แตกต่างกัน ขายแบบเป็นต้น จากการต่อยอด ทำให้ติดผลไว เหมือนการตอนกิ่งเนื้อเป็นเม็ดๆ คล้ายเป็นถุงน้ำ หรือไข่ปลาชื่อดัง กัดแล้วแตกในปาก มีกลิ่นหอมหวน และหลายสี แต่ละสีจะให้กลิ่นและรสที่แตกต่างกัน พ่อครัวส่วนใหญ่ จะนิยมนำมาตกแต่งในจานอาหารสวยๆ และเพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวให้กับอาหารของคุณ ซึ่งก็จะมีลักษณะและสี ตามความนิยม ดังนี้ สีเรด เชมเปญ จะมีเปลือกสีแดง เนื้อในแดงเข้ม รสเปรี้ยวจี๊ดพิงค์ ไอซ์ จะเปลือกสีชมพู เนื้อในสีชมพู รสนุ่มละมุนจาลิ เรด จะมีเปลือกสีเขียวอ่อน เนื้อสีแดงใสเอมเมอรัล จะมีเปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อสีเขียวเทสตี้ กรีน จะมีเปลือกเขียว เนื้อขาวใส นำผลแช่เย็นจัด แล้วนำมาขูดเปลือกเป็นผงผสมในไอศกรีม จะให้กลิ่นหอม

matichon.co.th

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

ประมวลภาพน้ำท่วมพัทยา 24/3/58

24 มี.ค2558 ฝนถล่มเมืองพัทยาอย่างหนัก นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมขังถนนหลายสาย
Cr. : เพจเรารักด่านพัทยา






วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

Facebook ปรับเงื่อนใขใหม่ ไม่อยากโดนบล็อกต้องอ่าน

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
ความรุนแรงและการคุกคาม
เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยอย่างสูงสุด เนื้อหาที่เสี่ยงจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้หรืออาจเป็นภัยคุกคาม รวมถึงการข่มขู่ผู้อื่น องค์กรที่มีบันทึกก่อการร้ายหรือความผิด ความรุนแรงทางอาญา จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีสถานะอยู่บนเฟซบุ๊ก

การทำร้ายตนเอง
เราทำงานร่วมกับหน่วยงานป้องกันการฆ่าตัวตายทั่วโลก เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาจตกอยู่ในภาวะดังกล่าว ทั้งนี้ เฟซบุ๊กยังพยายามจำกัดเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง การใช้ยาเสพติดอย่างหนักออกไปด้วย

การกลั่นแกล้งและก่อกวน
แม้เฟซบุ๊กอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถพูดได้อย่างอิสระ ในเรื่องและบุคคลที่เป็นที่สนใจของประชาชน แต่เฟซบุ๊กก็จะดำเนินการกับการรายงานถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รวมถึงข้อความที่มีรูปแบบล่วงละเมิดผู้อื่นด้วย
สังคมออนไลน์ ก็ต้องมีกติกา...

ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง
ไม่อนุญาตให้มีการพูดถึงความเกลียดชัง เราไม่อนุญาตให้บุคคลหรือกลุ่มใดๆ โจมตีผู้อื่น ทั้งเรื่องเชื้อชาติ ชาติกำเนิด ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ หรือแม้แต่ความพิการ

เนื้อหาภาพ
จากการที่เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ของพวกเขา ซึ่งบางครั้งก็กลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่อการร้าย ในอดีตคนส่วนใหญ่ทำการแชร์เพื่อประณามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความรุนแรงหรือสถานการณ์เหล่านั้น ซึ่งจากนี้เฟซบุ๊กจะไม่มีพื้นที่สำหรับสิ่งเหล่านี้... เราคาดหวังว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กจะเลือกรับชมเนื้อหาต่างๆ อย่างระมัดระวัง รวมทั้งมีส่วนในความรับผิดชอบต่อสิ่งที่แชร์ออกไป

ภาพโป๊เปลือย
เฟซบุ๊กมีนโยบายที่เข้มงวดในการแบ่งปันและเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร รวมถึงเนื้อหาทางเพศต่างๆ โดยเราได้กำหนดข้อจำกัดในการแสดงผลภาพเปลือย เพื่อเป็นการเคารพสิทธิของผู้คน ทั้งบรรดาภาพประติมากรรม หรือแม้แต่ภาพการเลี้ยงลูกด้วยนม

ความเป็นตัวตนและความเป็นส่วนตัว
ต่อผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ซึ่งใช้ชื่อจริงและยืนยันตัวตนผ่านเฟซบุ๊ก เราขอให้คุณงดเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ รวมถึงการกล่าวอ้างเป็นบุคคลอื่น การสร้างหรือแสดงตนที่เป็นเท็จ รวมถึงการฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อกำหนดของเฟซบุ๊ก

ทรัพย์สินทางปัญญา
ก่อนแชร์เนื้อหาต่างๆ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถกระทำได้ เราขอให้คุณเคารพเรื่องลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า และสิทธิทางกฎหมายอื่นๆ

สินค้าควบคุม
เฟซบุ๊กไม่อนุญาตให้ทำการค้าเกี่ยวกับสินค้าควบคุม หากคุณกำลังใช้เฟซบุ๊กเพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยคุณควรปฏิบัติตามข้อกำหนดของเรา
โปรดใส่ใจกติกาเฟซบุ๊ก... จะได้ใช้งานโดยปลอดภัย

ฟิชชิ่งและสแปม/ความปลอดภัย
นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสมาชิกเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของพวกเขา เรายังขอให้ผู้ใช้ทุกคนเคารพสิทธิของสมาชิกอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาเล็กๆ ที่ส่วนท้ายของหน้าดังกล่าว เกี่ยวกับ "การแจ้งการละเมิด" ที่เฟซบุ๊กเชิญชวนให้บรรดาผู้ใช้ช่วยกันสอดส่องเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมบนสังคมออนไลน์แห่งนี้ โดยระบุว่า...หากคุณพบเห็นสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของเฟซบุ๊ก คุณควรรายงานให้เราทราบ เนื่องจากการเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายของเรา อาจทำให้คุณเกิดความรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือถูกรบกวนการใช้งาน ด้วยเหตุนี้เฟซบุ๊กจึงมีฟังก์ชั่นการตั้งค่าเพื่อควบคุมหรือซ่อนการใช้งานต่างๆ แบบเฉพาะบุคคลอยู่ด้วย เพื่อให้คุณยุติการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลหรือแอพพลิเคชั่นไม่พึงประสงค์

อย่างไรก็ตาม ในหน้า นโยบายชุมชนความช่วยเหลือของเฟซบุ๊ก ก็ได้มีการระบุเนื้อหาไว้สั้นๆ (แต่สุดแสนจะครอบคลุมทุกการใช้งาน) ว่า...โพสต์เกี่ยวกับคุณสมบัติและผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กเท่านั้น, ปฏิบัติตนด้วยความมีมารยาทต่อบุคคลอื่นในเว็บบอร์ด, โพสต์ควรมีความชัดเจนและง่ายต่อการเข้าใจ, ห้ามโพสต์สแปม หรือขอให้บุคคลอื่นติดตามคุณหรือถูกใจเพจของคุณ, ห้ามโพสต์เนื้อหาที่มีนัยทางเพศหรือมีความรุนแรง...

ไม่อยากถูกบล็อกการใช้งานก็อย่าท้าทายอำนาจเฟซบุ๊กนะจ๊ะ เพราะเขาบล็อกแต่ละครั้ง นานตั้ง 3 วัน นับนิ้วดูสิ 72 ชั่วโมงเชียวนะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน...!

Most watched