วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สรุปความจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐


ข้อควรระวังจาก พรบ. คอม 2560

ราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่25 มกราคม 2560

มาดูสาระสำคัญที่เราพึงระวังให้ดีก่อนกดไลค์ กดแชร์ หรือส่งข้อความในรูปแบบต่างๆ
1. การฝากร้านใน Facebook IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS มาโฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ต้องมีทางเลือกให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้
ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผิด พรบ. ยกเว้นการกดไลค์เรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พรบ. โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง
สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย
เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น
หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
8.ฉะนั้น แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พรบ. เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแล จะถือเป็นผู้พ้นผิด
9. ไม่โพสสิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้
10. การโพสเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชม อย่างให้เกียรติ
11. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
12. การโพสด่าว่าผู้อื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้โพสได้ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
13. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
14. ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้

Source

https://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&rct=j&url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/010/24.PDF&ved=0ahUKEwj0ofiO8o3UAhXFK48KHRnkDV0QFggbMAA&usg=AFQjCNFp71tYs-qWiKf7kcqYt2UAwf7-8w&sig2=A-_DTTHKqNzYP7mqIBTYmA
.....................................

โลกเสมือนจริง หรือ โลกแห่งความเป็นจริง
   สำคัญที่สุด จงมี"สติ"อยู่เสมอๆ นะครับ

สุบรรณ์ คำแพง
SubanBlog
Blog Developement
สุบรรณ์ คำแพง
SubanBlog
Blogger Developement 

วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่บ่ายวันนี้ (21 พ.ค.)

ขอขอบคุณวีดีโอข่าวจาก สำนักข่าวTNN 

เอเจนซีส์/เอเอฟพี - เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่บ่ายวันนี้ (21 พ.ค.) พิสัยไกล 500 กม. ก่อนตกลงในทะเลญี่ปุ่น เชื่อถูกยิงออกมาจากใกล้กรุงเปียงยาง ถือเป็นการทดสอบครั้งที่ 11 ของปีนี้ แต่ยังไม่ใช่ขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ด้านผู้นำเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเรียกประชุมฉุกเฉินสภาความมั่นคงของประเทศตัวเอง รับมือด่วน ส่วนกองทัพเกาหลีใต้ประกาศเตรียมพร้อมตลอดเวลา เจแปนไทม์ส สื่อญี่ปุ่น รายงานวันนี้ (21 พ.ค.) ว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ และเกาหลีใต้ออกมายืนยันการยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (21 พ.ค.) โดยพบว่า ทางเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธออกมาจากสถานทดสอบไม่ห่างจากกรุงเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง โดยระบุว่า มิสไซล์สามารถเดินทางไกลราว 500 กม. ก่อนตกลงในบริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ ลงในทะเลญี่ปุ่น ซึ่งรอยเตอร์รายงานว่า จรวดลูกไม่ไต่ระดับความสูงที่ 560 กม. ซึ่งจุดทดสอบเชื่อว่า น่าจะมาจากเขตปุกชาง (Pukchang) ไม่ห่างจากกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นสถานที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบยิงขีปนาวุธ แต่ล้มเหลวมาแล้วในเดือนที่ผ่านมา ด้านคณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เกาหลีเหนือยิงวัตถุไม่ทราบที่มาออกมาจากบริเวณนี้ในช่วงบ่าย นอกเขตปุกชางใน Pyeongannam-do จ.South Pyeongan” ซึ่งกองทัพเกาหลีใต้ ยืนยันว่า มิสไซล์ที่ยิงออกมาสามารถเดินทางไกลได้ราว 500 กม. ในเบื้องต้นเชื่อว่า ไม่ใช่การทดสอบจรวดขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีป ICBM ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวของญี่ปุ่น ซูงะ กล่าวว่า พบว่า มิสไซล์เกาหลีเหนือถูกยิงตกลงนอกเขตน่านน้ำเศรษฐกิจพิเศษญี่ปุ่น และยืนยันต่อว่า ทางโตเกียวไม่เคยอดทนต่อการยั่วยุอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ ซึ่งหัวหน้าเลขาธิการคณะรมว.ญี่ปุ่น ย้ำว่า การทดสอบของเปียงยางนั้น ขัดกับมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน วันนี้ (21 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ และรัฐมนตรีคนสำคัญได้เรียกประชุมฉุกเฉินสภาความมั่นคงญี่ปุ่น รับมือสถานการณ์ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เอเอฟพีรายงานว่า และในส่วนของเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีคนใหม่ มุน แจ-อิน ได้เรียกประชุมวาระฉุกเฉินสภาความมั่นคงเพื่อรับมือการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเช่นกัน อ้างอิงรายงานจากสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ เอเอฟพีรายงานต่อว่า ขณะนี้ทางคณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้ยังไม่สามารถระบุถึงประเภทของขีปนาวุธที่ถูกทดสอบใหม่ โดยในแถลงการณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทัพของเราจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสัญญาณที่เชื่อว่าจะเป็นการยั่วยุรอบใหม่จากฝ่ายกองทัพเกาหลีเหนือ และเราเตรียมกำลังความพร้อมอย่างเต็มที่” เจแปนไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้โตเกียวยังไม่เริ่มต้นใช้ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน J-Alert อ้างอิงจากการรายงานของสื่อ NHK ญี่ปุ่น ซึ่ง J-Alert เป็นระบบสั่งอพยพออกจากส่วนกลางในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ด้านศูนย์เจมส์ มาร์ตินด้านการศึกษาป้องกันการแพร่ขยายอาวุธ (the James Martin Center for Nonproliferation Studies) กล่าวว่า การยิงทดสอบของเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้นในวันนี้ (21 พ.ค) ถือเป็นการทดสอบครั้งที่ 11 ของปีนี้ หรือเทียบได้กับ เปียงยางทดสอบขีปนาวุธทุก 2 สัปดาห์โดยเฉลี่ย เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า หนังสือพิมพ์เกาหลีเหนือ มินจู โจซอน(Minju Joson) รายงานวันนี้ (21 พ.ค) ประกาศข่มขู่จะทำการทดสอบเพิ่ม “หากสหรัฐฯยังคงเดินหน้าเป็นปรปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ (DPRK) ในภายหลังจะถูกทำให้ได้รับรู้ว่าชาติที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่น อเมริกา จะมีจุดจบเช่นใด” และกล่าวต่อว่า “อาวุธจำนวนมากเหมือนเช่นกับ “อาวุธพึ่งพาตัวเองของเกาหลีเหนือ” (Juche weapons) ที่มีศักยภาพในการโจมตีสหรัฐฯ จะถูกยิงจากแผ่นดินนี้ ซึ่งนี่คือคำตอบของเกาหลีเหนือต่อรัฐบาลทรัมป์” เอเอฟพีชี้ว่า Juche นั้นโยงไปถึงหลักการของเกาหลีเหนือ คือ “การอยู่ได้ด้วยตัวเอง” ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 14 พ.ค. เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลาง ฮวาซอง-12 (Hwasong-12) ที่สามารถเดินทางได้ไกลถึง 787 กม. และมีระดับความสูงอัลติจูด 2,111.5 กม. ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่า น่าจะมีศักยภาพโจมตีได้ไกลถึงเกาะกวม สหรัฐฯ ในระยะพิสัยไกลสุดของจรวดลูกนี้ที่ 4,500 กม.

วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[Update] รัสเซียร่วมวงปกป้องเกาหลีเหนือ



รายงานพิเศษ
รัสเซียร่วมปกป้องเกาหลีเหนือ โดยสำนักข่าว TNN

Source :
http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=138312&t=news_special

วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Tizen OS ระบบปฏิบัติการใหม่ของโลก พัฒนาโดย Samsung, Intel และ Linux Foundation ยืนยันรันแอพ Android ได้ 100%!

อย่างที่พวกเราทราบๆ กันว่าบริษัท Samsung เป็นบริษัทผู้ผลิตมือถืออันดับต้นๆ ของโลก ณ ขณะนี้ โดยระบบปฏิบัติการที่ทำให้ Samsung ผงาดในตลาดโลกก็คือ Android OS ของ Google นั่นเอง แต่ Samsung เองก็ยังมีความต้องการที่จะพัฒนาระบบปฏิบัติการของตนเอง โดยได้จับมือกับ Intel และ Linux Foundation ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการ "Tizen" ซึ่งเป็น OS ที่ต่อยอดมาจาก Bada OS ของตนเองและจะเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิดด้วยครับ ลองชมคลิป mini review ของ Tizen OS รันบนเครื่องต้นแบบ ได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลยครับ


จากที่ดูคลิปกันไป จะเห็นได้ว่าดูๆ ไปแล้ว Tizen ก็ดูคล้ายๆ กับ Android อยู่นิดๆ เหมือนกันครับ และล่าสุดนักพัฒนาระบบปฏิบัติการ Tizen ได้เผยข้อมูลออกมาว่า Tizen นั้นสามารถใช้งานแอพ และเกมของ Android ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนกับอุปกรณ์ Android ได้ 100% เลยครับ โดยในตัว OS ใหม่นี้จะรองรับโปรแกรมที่เรียกว่า Application Compatibility Layer หรือ ACL เหมือนกับ Android Player บน BlackBerry PlayBook นั่นเอง ลองชมคลิปทดสอบแอพ Android บน Tizen OS ได้ที่ท้ายข่าวเลยครับ

อย่างไรก็ตาม ทาง Samsung ที่มีความต้องการจะพัฒนา OS ของตนเอง ก็ยังไม่คิดจะทิ้งระบบปฏิบัติการ Android และ Windows Phone นะครับ โดยทางผู้บริหารของ Samsung กล่าวว่า "Tizen จะไม่เป็น OS หลักบนอุปกรณ์ของ Samsung ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน"


Credit

by เฮียณัฐ TechXcite
source: bgr

SOURCE http://www.techxcite.com/mobile/topic/id/9391

[Update] คิมน้อยทดสอบขีปนาวุธล่าสุด

​เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้ง ด้านเกาหลีใต้และญี่ปุ่นออกมาประณามการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ใช่ขีปนาวุธข้ามทวีป

ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งถูกยิงออกมาจากเมืองคูซอง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเปียงยาง และมีพิสัยไกลประมาณ 700 กิโลเมตร ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาประณามการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ โดยนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้สั่งให้มีการประชุมเร่งด่วนกับฝ่ายความมั่น คงภายในประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้

ขณะที่ญี่ปุ่นก็ออกมา ประณามเกาหลีเหนือเช่นกัน โดยระบุว่า ขีปนาวุธลูกนี้ถูกยิงและลอยอยู่บนอากาศประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะตกลงในทะเลญี่ปุ่น ส่วนผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯภาพพื้นแปซิฟิกก็ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯจะตรวจสอบชนิดของขีปนาวุธลูกนี้อีกครั้ง แต่เบื้องต้นสรุปได้ว่า ลักษณะการเคลื่อนที่ของขีปนาวุธลูกนี้แตกต่างไปจากขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM ที่จะสามารถโจมตีสหรัฐฯได้

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง และยังข่มขู่ว่าพร้อมจะยิงขีปนาวุธทุกเมื่อ รวมถึงจะเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธยิงข้ามทวีปไปหาสหรัฐฯ จนสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดอย่างมาก ทำให้นานาชาติต่างออกมาประณามเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯเองก็เริ่มใช้มาตรการทางทหารและทางเศรษฐกิจมากดดันเกาหลีเหนือควบคู่กับไปด้วย
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯกล่าวโทษว่าสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่ใช้มมาตรการกดดันที่มีอย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้จีนร่วมกดดันทางเศรษฐกิจเกาหลีเหนือมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเพิ่งบอกว่า เกาหลีเหนือจะยอมเจรจากับสหรัฐฯได้ หากมีเงื่อนไขเหมาะสม
   ก่อนนี้ ผู้นำรัสเซีย และ จีน ซึ่งเป็นมหามิตรของเกาหลีเหนือมาแต่เดิม และเป็นเหมือนที่พึ่งพิงและคบค้ากัยได้เพียงสองประเทศนี้เท่านั้นสำหรับเกาหลีเหนือ
    แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เกาหลีเหนือกับจีนก็มีเรื่องบาดหมางกัน จากการแสดงท่าทีของจีนในเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบขีปนาวุธ และปฎิบัติตามมติของสหประชาชาติ สร้างความไม่พอใจให้ทางเกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ผู้นำสูงสุดออกโรงเตือนไปทางจีนถึงผลลัพท์ที่อันตรายร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าจีนยังยั่วโมโหให้เกาหลีเหนือจนหมดความอดทน
    แต่เมื่อสองวันมานี้ เกาหลีหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธตัวใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ ผู้นำสูงสุด คิม จอง อึล ได้ร่วมชมการทดสอบด้วยตัวเองและการทดสอบครั้งนี้ประสบความสำเร็จ 
ยิงไปได้ไกลราว700กิโลเมตร และตกลงทางเหนือของทะเลญีป่น และไม่ห่างจากชายฝั่งของรัสเซียเท่าไดนัก
  ล่าสุด ผู้นำรัสเซีย วิลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นมหามิตรกับเกาหลีเหนือในเวลานี้ ก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากและแสดงความวิตกกังวล ในความตรึงเครียดกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ด้วย...
    สถานการ์ในคาบสมุทรเกาหลี เริ่มเข้าสู่ความตรึงเครียดอีกครั้ง
เกาหลีเหนือก็ยังคงยืนยันว่าจะทำการทดสอบขีปนาวุธของตัวเองต่อไป...  วันนี้ผมรวบรวมเอาประเทศที่เคยได้ทดสอบขีปนาวุธร้ายแรง ในพิสัยต่างๆ ในช่วงเวลาที่พึ่งผ่านมานี้มานำเสนอ เป็นสถาการณ์ในกลุ่มประเทศที่มีหัวบระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างโลกได้เลยทีเดียว













วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[Special] วิธีป้องกันมัลแวร์ WannaCrypt โดยไม่ต้องอัพเดตเครื่อง ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ขณะนี้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry / WannaCrypt กำลังระบาดหนักทั่วโลก มีคอมพิวเตอร์โดนโจมตีไปแล้วกว่า 200,000 เครื่องใน 99 ประเทศภายในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ในบทความนี้เรามาดูวิธีป้องกันตัวเองจากมัลแวร์ดังกล่าวด้วยวิธีการปิดโปรโตคอล Server Message Block (SMB) ที่เป็นโปรโตคอลสำหรับการรับส่งไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
02
ปัจจุบันโปรโตคอล SMB มี 3 เวอร์ชันด้วยกัน คือ SMBv1, SMBv2 และ SMBv3 โดย SMBv1 เป็นรุ่นเก่ามาก ออกมาเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่ง WannaCry ก็ใช้ช่องโหว่ของ SMBv1 นี่แหละ เป็นช่องทางแพร่ตัวเองเข้าโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่าย โดยที่เครื่องเป้าหมายไม่ต้องคลิกเปิดไฟล์อะไรด้วยซ้ำ (เปิดคอมต่อเน็ตอยู่ดีๆ ก็ติดเลย) ดังนั้น SMBv1 จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้งานในยุคนี้แล้ว และควรปิดทิ้งไป
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการรับส่งข้อมูลหากัน จึงต้องมีฝั่งนึงเป็น Server และอีกฝั่งเป็น Client โดยสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะถือว่าตัวเองเป็น Client ซึ่งการปิดแบบ Client ก็เพียงพอแล้วต่อการป้องกันตนเองไม่ให้รับมัลแวร์เข้ามา

การปิด SMBv1 ฝั่ง Client

ขั้นตอนการปิด SMBv1 ใน Windows 8.1, Windows 10, Windows Server 2012 R2 และ Windows Server 2016 นั้นง่ายมาก ไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคเลยก็ทำได้ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start
2. พิมพ์ในช่อง Search ว่า “turn windows features” แล้วคลิกที่ “Turn Windows features on or off” ตามภาพ
13. หน้าต่าง Windows Features จะเปิดขึ้นมา ให้เลื่อนลงไปล่างๆ หาข้อความ “SMB 1.0/CIFS File Sharing Support” โดยฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น
2
4. ให้นำติ๊กถูกออกจากช่องสี่เหลี่ยม และกด OK
3
5. สุดท้าย ให้รีสตาร์ทเครื่อง 1 รอบ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้มัลแวร์ WannaCry ก็ไม่สามารถแพร่มาหาเราได้แล้ว
44
ส่วนการปิด SMBv1 ในระบบปฏิบัติการวินโด้รุ่นเก่าอย่าง Windows Vista, Windows Server 2008, Windows 7, Windows Server 2008 R2, Windows 8 และ Windows Server 2012 มีความยุ่งยากอยู่บ้าง เพราะต้องรันคำสั่งผ่าน Command Prompt ดังนี้
1. เข้าไปที่ “C:\Windows\System32” ให้หาโปรแกรม cmd.exe ให้คลิกขวาที่ไฟล์ cmd.exe แล้วเลือก Run as Administrator
หฟ
2. พิมพ์คำสั่งด้านล่าง ทีละบรรทัด (สามารถก๊อปไปวางได้)
sc.exe config lanmanworkstation depend= bowser/mrxsmb20/nsi
sc.exe config mrxsmb10 start= disabled
3. รีสตาร์ทเครื่อง

การปิด SMBv1 ฝั่ง Server

สำหรับฝั่ง Server ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2012 R2 และ Windows Server 2016 ก็ให้เปิด Server Manager และไปที่ Dashboard จากนั้นก็นำติ๊กถูกออกตามภาพ
6
อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานขอแนะนำให้ทุกท่านอัพเดตระบบปฏิบัติการ รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ และระวังการใช้งานให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะการโจมตีไซเบอร์สมัยนี้มันได้พัฒนาขึ้นมามากยังกับในหนังเลยที่เดียว
ที่มา : Blognone Microsoft
By Ballwee


Credit
Source : https://notebookspec.com/special-howto-smbv1/398250/

เมื่อ Apple ไม่ได้เป็นบริษัทที่นำด้านนวัตกรรมอีกต่อไปแล้ว

หากใครเคยอ่านหนังสือเรื่องชีวประวัติของ Steve Jobs จะต้องรู้จัก Walter Isaacson บุคคลที่ใช้เวลาอยู่กับ Steve Jobs อย่างยาวนานเพื่อที่จะเขียนหนังสือออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ Isaacson ยังเป็นคนที่รู้จัก “Apple” เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น หาก Isaacson เริ่มพูดเกี่ยวกับ Apple เมื่อไหร่ผู้คนก็จะตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
ล่าสุด Walter Isaacson ให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ซึ่งส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ Isaacson ได้พูดถึง Apple และคู่แข่ง โดยประเด็นสำคัญคือ Apple ไม่ได้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกแล้ว
Isaacson กล่าวว่า Apple ไม่ได้เป็นบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมอีกต่อไปแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับ Google และ Amazon แต่ Apple โดดเด่นในเรื่องการทำให้สมบูรณ์มากกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้นำนวัตกรรมด้านผู้ช่วยอัจฉริยะหรือ virtual assistant คือ Google และ Amazon ไม่ใช่ Apple
สิ่งหนึ่งที่ Isaacson กล่าวถึงเลยคือ Siri ซึ่ง Apple ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ (ทุกวันนี้มี iPhone แต่ยังไม่เคยได้ใช้) ไม่สามารถสู้ Google Home และ Amazon Echo ได้ ซึ่ง Isaacson มีอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้อยู่ในบ้าน ทั้งนี้ก็มีข่าวว่า Apple จะเปิดตัวอุปกรณ์ที่คล้ายกับ Google Home และ Amzon Echo ภายในงาน WWDC 2017 นี้ด้วย
สุดท้าย Isaacson กล่าวว่า Apple ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมตลอดเวลาเพื่อที่จะเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมเพราะมันไม่ได้อยู่ใน DNA ของ Apple

 CREDIT
     
       สนับสนุนเนื้อหา
                     Source :http://hitech.sanook.com/1423585/

Good afternoon

ถ้าคุณอยากมี"ความสุข" คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้

          สุขได้เลยนะ ไม่ต้องรอใคร

              Good afternoon

        Suban K
03.40 pm. May. 15 / 2017

Most watched