วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

ความหวัง [หิน เหล็ก ไฟ]

☆☆   ผมยังเชื่อเสมอว่า "ความหวัง" เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีวิตกำลังประสบกับภาวะที่ยากลำบาก มีปัญหาและอุปสรรค์มากมายก่ายกองจนทำให้
บางคนนั้นท้อแท้จนไม่อยากจะเดินต่อไปข้างหน้า... เหมือยชีวิตกำลังสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว
   ขอเพียงแค่อย่าสูญเสีย ○ ความหวัง ○ แม้ว่าจะเป็นเพียงแสงริบหรีอยู่ปลายอุโมงค์อันแสนไกลก็ตาม..
หากยังมีความหวัง และ สร้างพลังใจ ให้ตัวเองได้อยู่เสมอ เราก็จะมีพลังในการก้าวเดินต่อไปได้... 
จะไปถึงจุดหมายที่ปลายอุโมงค์ให้ได้ในสักวันหนึ่ง จะช้าจะนานเพียงไรก็สุดแท้แต่.. 
เพราะถ้าเราไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า... ก็เท่ากับว่าเรากำลังรอลงหลุมฝังศพของเรานั่นเอง..
   ••• มีบางคนเคยพูดไว้ว่า ถ้าไม่อยากผิดหวัง ก็ไม่ต้องตั้งความหวัง...
 แต่ผมว่าความผิดหวังนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาๆนั่นแหละ คนที่รับความผิดหวังไม่ค่อยได้นั้น 
แปลว่าจิตใจของเขายังอ่อนแอ แต่ถ้าใครเคยสัมผัสกับความผิดหวังบ่อยๆครั้งเข้าแล้ว..
   คุณจะกลายเป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ และพร้อมที่จะผิดหวังได้อีกกี่ครั้งก็ได้
           แล้วคุณจะรู้สึกว่า...   ผิดหวังเป็นแค่เรื่องธรรมดา  ๐๐
○○ หลายคนหลับไหลทั้งที่ใจยังปวดร้าว 
มืดมนเหน็บหนาวฟุ้งซ่านประสาทเสีย 
สุดท้ายความตายคือหนทาง 
หมดหวัง ไม่มีเหลือ 

เคราะห์กรรมบังตามีอันต้องเป็นไป 
หรือคนต่อไปเป็นคุณใครจะรู้ 
ความหวังคือพลังและหนทาง 
จะอย่างไรอย่าหมดหวัง 

หากจะต้องสูญเสียทุกอย่าง 
ความหวัง ขอให้เป็นสิ่งสุดท้าย 
สิ่งสุดท้าย หากต้องสูญเสีย ○○

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

ก่อนจะสาย [หิน เหล็ก ไฟ]

ชีวิตไร้สาระขนาดไหน ยังไม่สายเกินที่จะแก้ไข แม้ชีวิตจะเหลือน้อยลงเพียงใด ก็ยังไม่สายเกินกว่าจะทำดี


แต่ก่อนใกล้ชิดกันอยู่ แต่ไม่เคยรู้คุณค่ากันและกัน
พอจากไปคนละทางห่างกัน จึงรู้ซึ้งใจเรื่องราว
แต่ก่อนมีชีวิตอยู่ ไม่เคยถนอมรักษาความสัมพันธ์
ขาดความดีที่มีต่อกัน สุดท้ายแล้วมาโอดโอย

สำนึกเมื่อจากไปเห็นความดี เมื่อสาย อาลัย อาวรณ์
คนมักเป็นเช่นนี้ คุณอาจเป็นเช่นนี้ มา มา

** ทำดีให้กันก่อนจะสาย ตายไปแล้ว ไม่มีประโยชน์
ทำดีให้กันก่อนจะสาย ตายไปแล้ว ไม่มีประโยชน์

ก้มกราบหน้าหลุมคร่ำครวญ ผี ไม่อาจหวนฟื้นฟังคำของใคร
จะดีจะเลวให้กันก่อนตาย ก่อนสายรู้กันให้ถ่องแท้


วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561

[Update] #มหากาพย์คดีหวยแห่งชาติ

...จากที่ ผบ.ตร พล.ต.อ. จักษ์ทิพย์ ได้แถลงข่าวด้วยตัวเองในวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมานี้ โดยสรุปในข้อกล่าวหาทางคดีอาญา ที่ทั้งสองฝ่ายได้แจ้งความกล่าวโทษกันไว้นั้น คือ ทาง ร.ต.ท. จรุญ ได้แจ้งความกล่าวหาแจ้งความเท็จกับครูปรีชา ผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านแต่ตัวเองทำตก และแจ้งความกล่าวหา ร.ต.ท.จรุญในข้อหายักยอกของตก ซึ่งเป็นคดีอาญาเช่นกัน ชึ่ง ผบ.ตร ได้แถลงสรุปว่า จากการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงานกองปราบปราม จากพยานหลักฐานต่างๆ เป็นเหตุให้เชื่อว่า ครูปรีชา และพวก ร่วมกันแจ้งความเท็จ และออกหมายจับครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ผู้ขายฉลากฯ ในฐานความผิด แจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 /173/ 174 และขออำนาจออกหมายจับและเข้าจับกุมตัวมาที่กองปราบปรามในวันเดียวกันนี้..
อ่านเนื้อหาทั้งหมดในลิ้งค์ข้างล่าง
https://suban2008.blogspot.com/2018/03/blog-post_2.html

    คณะทำงานกองปราบฯ/ตำรวจสืบสวนกลางมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
○ กล่าวหานายแผน ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ และออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา และนายแผนก็เข้าพบ พนง.สอบสวนแล้ว
○ กล่าวหา อดีตผู้การเมืองกาญจนบุรี พล.ต.ต.สุทธิ ในฐานความผิดเป็นประพฤติไม่ชอบ  (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น) และ กล่าวหา ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุน พล.ต.ต.สุทธิ ให้ประพฤติไม่ชอบ (มาตรา 157 / 200)
  โดยได้สรุปสำนวนคดีกล่าวหาครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นในข้อกล่าวหาแจ้งความเท็ฯ ส่งให้อัยการ
  และส่งสำนวนคดีกล่าวหา พล.ต.ต.สุทธิ ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช ในข้อกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯและร่วมกันกันสนับสนุนให้เจ้าพนักงานนั้นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัตืหน้าที่โดยมิชอบฯ ให้ทาง ปปป.สรุปสำนวนส่ง ปปช.พิจารณาต่อ
(เพื่อเสนอต่ออัยการคดีทุจริตสั่งฟ้องศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามช่องทางของกฎหมายต่อไป)

ล่าสุด (19เษษายน61)
#มหากาพย์คดีหวยแห่งชาติ
อสส.คืนสำนวนครูปรีชา,เจ๊บ้าบิ่นแจ้งความเท็จฯให้ไปส่ง ปปช.ชี้รวมกับข้อหาสนับสนุนให้พล.ต.ต.สุทธิผิด ม.157
    สรุปจากคดีแจ้งความหวยหาย สาระสำคัญแห่งคดีอยู่ที่ คดีกล่าวหาว่าประพฤติไม่ชอบของอดีตผู้การจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.สุทธิและครูปรีชา,เจ้บ้าบิ่น,เจ้พัชโดนข้อหาสนับสนุนฯ (มาตรา 157, 200) สำนวนในคดีอยู่ที่ ปปช. แล้ว ล่าสุดอัยการคืนสำนวนกลับพนง.สอบสวน กรองปราบฯโดยลงคำสั่งในสำนวนให้พนง.สอบสวน กองปราบฯ นำสำนวนคดีที่กล่าวหา ครูปรีชากับเจ้บ้าบิ่นในฐานความผิดแจ้งความเท็จฯ ,แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้พนง.สอบสวนบันทึกข้อความอันเป็นเท็จนั้นฯ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาฯ (มาตรา 137 ,173 ,174) ไปส่งให้ ปปช.พิจารณารวมด้วย เนื่องจากอัยการมีความเห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน (กรรมเดียวกันแต่มีความผิดหลายบท)
#สรุปว่ารอ_ปปช

อีกหนึ่งคนที่โดนข้อกล่าวหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯด้วยก็คือนายแผน ผู้ที่ไปให้ปากคำกับพนง.สอบสวน ทั้งที่ให้ไว้กับสภ.เมืองกาญจนบุรีและให้ไว้กับคณะทำงานของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค7 ในฐานะพยานฝ่ายของครูปรีชาว่าได้ยินคนพูดว่าใครทำล็อตตารี่ตก จึงหันไปมองแล้วเห็นว่าลุงจรูญเก็บหวยได้ และสามารถชี้ตัวลุงจรูญได้ถูกต้องอีกด้วย แต่เมื่อ พนง.สอบสวน คณะทำงานกองปราบปราม ตำรวจสืบสวนกลาง ได้เปลี่ยนคำให้การเป็นได้ยินคนพูดว่าใครทำล็อตตารี่ตก ยังไม่ออกรางวัลด้วยจึงหันไปมอง เก็นเห็นคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นลุงจรูญยืนถือล็อตตารี่อยู่

ส่วนทางฟากฝั่งของครูปรีชาและหมวดจรูญ ก็ได้ฟ้องร้องกันเองต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีทั้งแพ่งและอาญา ครูปรีชาเป็นโจทย์ฟ้องคดีแพ่งอ้างสิทธิ์ในเงินรางวัลล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่งงวดวันที่หนึ่งพ.ย.60 จำนวนห้าใบเป็นเงินสามสิบล้านบาทโดยอ้างว่าทำฉลากชุดนั้นตกหายและลุงจรุญเป็นคนนำฉลากชุดนั้นไปขอรับเงินรางวัลไปแล้วและขอให้ศาลออกคำสั่งอายัดเงินจากล็อตตารี่สามสิบล้านในบัญชีลุงจรุญซึ่งยังเหลืออยู่ราวๆเกือบสองล้านห้าแสนบาทไว้ก่อน (ศาลนัดสืบพยานราวๆต้นเดือน พ.ค.61)
และครูปรีชาเป็นโจทย์ฟ้องร้องคดีอาญาต่อลุงจรุญ ในข้อกล่าวหายักยอกของตกและรับของโจร (ภายหลังจาก พนง.สอบสวน กองปราบปราม มีความเห็นในสำนวนคดีที่ยื่นต่ออัยการพนง.สอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ครูปรีชา(โดยทนายความ)จึงฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีเอง เป็นสิทธิ์ตามกฎหมายในฐานะผู้เสียหาย ศาลนัดใต่สวนมูลฟ้องราวๆต้นเดือนมิ.ย.61)

ส่วนทางฝั่งลุงจรูญ (โดยทนายตั้ม) เป็นโจทย์ฟ้องเจ๊บ้าบิ่นในข้อกล่าวหาขายฉลากกินแบ่งเกินกว่าราคาที่กำหนด โดยขายฉลากหมายเลข533726 ชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งในงวดวันที่1พ.ย.60 จำนวนห้าใบให้กับลุงจรูญในราคา700บาท
และเมื่อวานนี้(19เม.ย.) ทนายตั้มพาลุงจรูญเป็นโจทย์ปฟ้องร้องคดีอาญาต่อครูปรีชาและเจ้บ้าบิ่นในข้อกล่าวหาเบิกความเท็จในคดีแพ่งที่ครูปรีชาฟ้องศาลจังหวัดกาญจนบุรีอ้างสิทธิ์ในเงินรางวัลล็อตตารี่สามสิบล้านเพื่อขอศาลสั่งอายัดเงินในบัญชีลุงจรูญไว้ก่อนนั้น (โดยทนายตั้มอ้างว่ามีพยานหลักฐานที่พอจะทำให้ศาลเชื่อได้ว่าครูปรีชาไม่ได้ไปซื้อล็อตตารี่ชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งในวันที่31ต.ค.60ตามที่ได้เบิกความต่อศาลแพ่งไปแล้วนั้น)

นอกเหนือจากคดีที่เกี่ยวข้อง ดังที่ได้กล่าวมานั้น..
     มีการฟ้องร้องคดีความกันอีกหลายคดีความซึ่งมีผลพวงมาจากคดีหวยสามสิบล้าน ทั้งจากฝ่ายกองเชียร์ของทั้งสองฝั่งฟ้องร้องกันเองไปมา อีกทั้งยังฟ้องร้องกล่าวหาเจ้าหน้ารัฐ รวมทั้งโดนเจ้าหน้าที่รัฐฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียต่อองค์กรฯกับกองเชียร์ฝ่ายครูปรีชาคนหนึ่งด้วย..  รวมแล้วนับเป็นกี่คดีความกันแล้ว ผมก็ไม่ได้นับเพราะถือว่าหลักใหญ่ใจความไม่ไช่เป็นเรื่องของคดีหวย
โดยตรงและผมเชื่อว่ายังคงจะมีการฟ้องร้องกันไปมาอยู่เรื่อยๆอีกหลายคดีในเวลาอีกไม่ช้านนานต่อๆไป

ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีจุดเริ่มต้นจากคดีหวยสามสิบล้านเป็นเหตุทั้งสิ้น... 

และนี่คือเหตุผลที่ต้องเรียกว่าเป็น #มหากาพย์ ที่สำคัญคดีนี้สิ้นเปลืองทรัพยากรเป็นอันมาก ทั้งระดับท้องที่ จังหวัด ภาค จนถึงระดับชาติเลยเดียว... แม้คดีเกี่ยวกับล็อตตารี่จะเคยเกิดขึ้นและมีการพิพากษาชี้ขาดของศาลฏีกาก็มีปรากฎอยู่ตั้งแต่ยุคก่อนๆแล้ว แต่ไม่เคยมีคดีใดๆที่มีความสลับซับซ้อน และยุ่งเหยิง วุ่นวาย และไฟต์กันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยเฉพาะทนายและกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย ต่อสู้กันอย่างเมามัน ได้ขนาดนี้...
ผมจึงตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า #มหากาพย์คดีหวยแห่งชาติ

และคงยังไม่จบง่ายๆ อย่างน้อยๆผมว่าสิ้นปีนี้ก็คงจะยังไม่สิ้นกระแสความ

ในฐานะผู้ชมบอกได้คำเดียวว่า..  มุ่นอ้ยปุ้ย!!
 

 

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

0 กรมสุขภาพจิต ห่วงผู้ป่วยจิตเวชอาการกำเริบช่วงสงกรานต์ ย้ำเตือนญาติ ดูแลเข้ม 4 ห้าม "ดวดเหล้า -ใช้สารเสพติด – อดนอน –ขาดยา "

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยจิตเวชอยู่ในระบบบริการแล้ว 2 ล้าน 6 แสนกว่าคนทั่วประเทศ ผู้ป่วยกว่า 2 ใน 3 ต้องกินยาควบคุมอาการอย่างต่อเนื่องและอยู่กับครอบครัว โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ขอให้คนในครอบครัวช่วยกันสอดส่องดูแลผู้ป่วยให้ปฏิบัติตามที่แพทย์กำหนด ควรหากิจกรรมให้ผู้ป่วยจิตเวชทำร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เช่น พาไปทำบุญที่วัด ไปก่อเจดีย์ทราย สรงน้ำพระ หรือพาไปเที่ยว จะเป็นผลดีจะสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ผู้ป่วยว่ามีคุณค่า ไม่โดดเดี่ยว และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ได้รับความเพลิดเพลิน มีความสุข และไม่เครียด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นับเป็นช่วงที่ผู้ป่วยจิตเวชมีความเสี่ยงเข้าถึงสิ่งต้องห้ามอันตรายและเสี่ยงมีอาการกำเริบได้ง่ายเช่นกัน จึงต้องขอความร่วมมือญาติและครอบครัวดูแลผู้ป่วยเป็นกรณีพิเศษ 4 เรื่องซึ่งมักเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้ผู้ป่วยจิตเวชเกิดอาการกำเริบ ได้แก่ 1.ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดรวมทั้งเหล้าพื้นบ้านด้วย 2.ห้ามเสพสารเสพติด 3. ห้ามอดนอน และ 4.ห้ามขาดยา
ในส่วนของกรมสุขภาพจิตได้วางระบบบริการโดยให้รพ.จิตเวชที่มี 13 แห่งทั่วประเทศ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำห้องจิตเวชฉุกเฉินพร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง เน้นหนัก 2 ช่วงคือระหว่างช่วงเทศกาล 12 -16 เมษายน 2561 และช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมักจะเกิดจากปัญหาจากการอดนอน โดยได้ให้ศูนย์สุขภาพจิตทั่วประเทศ ประสานอสม.เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตชุมชนซึ่งมีทุกตำบลทุกจังหวัด ให้ความรู้ประชาชนในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดสายด่วน 1323 บริการให้คำปรึกษาแก่ญาติฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้านน.พ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผอ.รพ.จิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จ.นครพนม กล่าวว่า ญาติควรดูแลให้ผู้ป่วยจิตเวชนอนหลับให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง อย่าให้อดนอนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้สารเคมีสื่อประสาทภายในสมองเสียสมดุลย์ และเป็นตัวก่อความเครียด กระตุ้นให้อาการผู้ป่วยกำเริบได้

ทั้งนี้สัญญาณเตือนอาการกำเริบของผู้ป่วยจิตเวชที่สำคัญมี 6 อาการ ได้แก่ นอนไม่หลับ หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย มีความคิดแปลกๆ พฤติกรรมก้าวร้าว หวาดระแวง หากพบผู้ป่วยมีอาการปรากฏอย่างใดอย่างหนึ่ง ขอให้ญาติรีบพาส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง 

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

ใครมีปัญหาคุย ?? "เฟซบุ๊กไลฟ์"กับ"บิ๊กตู่"


           2 เม.ย.61 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พรุ่งนี้ (3 เม.ย.นี้) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการ "สายตรงไทยนิยม" ซึ่งจะเป็นช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์ รับฟังความคิดเห็น และชี้แจงประเด็นสำคัญ ผ่านเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นทั้งในระบบไอโอเอสและระบบแอนดรอยด์ ประกอบด้วยช่องทางต่างๆ อาทิ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)แอพพลิเคชั่น police I lert U แจ้งเบาะแสเหตุด่วนเหตุร้าย 191 สายตรงศูนย์ดำรงธรรม 1567 ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ สายด่วน 1299 ของคสช. ซึ่งภายในงานนายกฯจะร่วมเฟซบุ๊กไลฟ์ ที่เพจสายตรงไทยนิยม ตอบปัญหาประชาชนด้วย
         

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561

[งานวิจัย]คนที่ชอบโพสต์เรื่องส่วนตัวลงโซเชียลมากๆ วิจัยออกมาชี้ว่ามีความผิดปกติทางจิตและสมอง

ผลวิจัยออกมาว่าคนที่ชอบโพสความรู้สึกส่วนตัวลงบนโลกโซเชี่ยลนั้น ผลออกมาว่ามีความผิดปกติทางจิตใจและสมองทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของโซเชียลเน็ตเวิร์กก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเราจำเป็นต้องโพสต์ข้อมูลส่วนตัว ทุกความรู้สึก เช็กอินทุกที่ที่ไป และสิ่งอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวเราลงโซเชียลซะเมื่อไร
และรู้ไหมว่าคนที่ชอบโพสต์อะไรแบบนั้นผ่านโซเชียลบ่อยๆ วิจัยก็ฟันธงดังฉั ! เขาอาจมีการทำงานของสมองที่ไม่เหมือนเรา ๆ ผู้ที่เล่นโซเชียลก็บ่อยแต่ไม่ค่อยโพสต์ก็เป็นได้
ผู้ที่ชอบโพสต์ข้อมูลส่วนตัวลงโซเชียลบ่อย ๆ อาจมีกลไกการทำงานของสมองต่างจากคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นสเตตัสบ่นเพ้อ รูปเซลฟี่ของตัวเอง หรือแม้กระทั่งคลิปวิดีโอส่วนตัว อาจมีกลไกการทำงานของสมองต่างจากคนอื่น โดยมีปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นให้สมองในส่วนที่เชื่อมโยงกับการรับรู้เกี่ยวกับตัวเอง (self-cognition) จดจำกับพฤติกรรมชอบแชร์ และมีการเน้นย้ำความทรงจำนั้นบ่อย ๆ จนสมองสั่งการให้เขาแชร์เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองลงโซเชียลรัว ๆ โดยที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองแต่อย่างใด
ดร.Dar Meshi ผู้นำทีมวิจัยเผย
การศึกษาในครั้งนี้มีอาสาสมัครทั้งหมด 35 คน โดยทีมได้โฟกัสการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเล่นโซเชียลไว้ 2 ส่วน ได้แก่ คอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่แสดงบุคลิกภาพส่วนตัว รับผิดชอบการตัดสินใจ และจัดการพฤติกรรมทางสังคมของตัวเรา อีกส่วนคือสมองส่วน precuneus ทำหน้าที่สะท้อนความเป็นตัวตน และตระหนักรู้เกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง
ทดลองจากผู้ใช้ Facebook
ทั้งนี้งานวิจัยได้เจาะจงกับโซเชียลมีเดียชนิดเดียวคือเฟซบุ๊ก ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมาก และครอบคลุมทั้งการโพสต์สเตตัส รูป และคลิปวิดีโอ จากนั้นก็คัดกลุ่มอาสาสมัครตัวจี๊ดที่ชอบโพสต์เฟซบุ๊กบ่อย ๆ มาทำการศึกษาด้วยกระบวนการ Neuroimaging Technology สแกนสมองในส่วนที่โฟกัส และมาวัดความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานของสมองส่วนเน็ตเวิร์ก กับสถิติการโพสต์ของอาสาสมัครแต่ละคน
ผลการวิจัยชี้
โดยการศึกษาพบว่า กลุ่มอาสาสมัครที่ชอบโพสต์เฟซบุ๊กบ่อย ๆ จะมีร่องรอยการทำงานของสมองทั้งส่วนคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า และส่วน precuneus หนักมาก อีกทั้งยังลามมาทิ้งรอยหยักที่สมองส่วนข้างและด้านหลัง (lateral orbitofrontal cortex) อีกต่างหาก ต่างจากผลสแกนสมองของอาสาสมัครที่ไม่ค่อยมีประวัติโพสต์เฟซบุ๊กบ่อยเท่าไร
นอกจากนี้ผลการศึกษาจาก Gwendolyn Seidman of Albright College ยังเผยข้อมูลมาว่า สำหรับคนชอบโพสต์สเตตัสแสดงความรู้สึก และเรื่องดราม่าบ่อย ๆ อาจเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง มีความเก็บกด และมักจะใช้โลกออนไลน์แสดงความรู้สึก และบางคนมีแนวโน้มจะใช้โลกออนไลน์เพื่อหลีกหนีความจริงบางอย่าง หรือใช้มันเป็นหน้ากากปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอีกด้วย
แม้ยุคโซเชียลจะช่วยให้เราเข้าถึงเพื่อน ๆ และข้อมูลข่าวสารมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมเงยหน้ามาพูดคุยกับคนรอบข้างกันบ้างนะคะ ถ้าวางมือถือออกมามองคนข้างๆบ้าง ชีวิตจะเป็นสุขขึ้นเยอะค่ะ เพราะเราไม่ต้องแข่งใคร ไม่ต้องเอาเรื่องใครมาปวดหัว
ที่มา : teenee.com

Most watched