วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) แนะนำการวางใจเรื่องปัญหาวงการสงฆ์ในปัจจุบัน

Source : บทความจาก สำนักข่าวอิศรา
ขอขอบคุณที่มาบทความ มา ณ โอกาสนี้

   เวลานี้ก็มีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวคราวในวงการพระสงฆ์  ซึ่งอาจจะทำให้ญาติโยมไม่สบายใจ  แล้วก็ข้องจิตขัดใจอยู่  ทำให้ขัดขวาง  แม้แต่การฟังธรรม (การภาวนา) ด้วย  ฉะนั้น  ก็มาทำให้สว่างโล่งกันเสียก่อน  คือเรื่องเหตุการณ์ความไม่ดีไม่งามอะไรก็ตาม  ที่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์นี้  ก็เป็นเรื่องที่พุทธศาสนิกชนจะต้องรู้ เข้าใจ  แล้วปฏิบัติกับมันให้ถูกต้อง  

อย่างเรื่องในวงการพระสงฆ์ในเวลานี้ ถ้าเรามองด้วยปัญญาในแง่หนึ่ง อาตมาเคยเขียนหนังสือมาหลายเรื่อง หลายครั้งแล้ว  เรื่องประเภทนี้  เคยเกิดขึ้นมา  ไม่ใช่ครั้งเดียวนะ หลายท่านที่อายุมากๆ ก็เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายตรงนี้มา   แง่หนึ่งที่จะมอง  ก็จะบอกว่าพระสงฆ์นี้ถือว่า  ใช้ภาษาฝรั่งเรียกว่า  เป็น clean ของสังคมในแง่ของคุณธรรม จริยธรรม แล้วสังคมของไทยเรานี้  แม้แต่ส่วนที่ถือว่าเป็น clean สุดยอดดีนี้  ยังแย่ขนาดนี้  แล้วสังคมไทยส่วนใหญ่จะไปทางไหน


(คัดบางส่วนจาก  วิสาขเทศนา  29 พค. 2561  ณ อุโบสถ วัดญาณเวศกวัน)
ว่าที่จริงแล้วก็ถือว่ามันเป็นปัญหา  ปัญหานั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องฝึกใจ  แล้วเป็นเรื่องลับปัญญา ฉะนั้น  เราใช้ให้เป็น  เราก็พลิก  แทนที่จะให้มันทำร้ายเรา  เราก็กลับมาใช้ประโยชน์  ปัญหานี้เป็นสิ่งสำคัญมนุษย์เกิดมาต้องเจอปัญหา  ปัญหาชีวิตส่วนตัวบ้าง  ปัญหาส่วนรวมบ้าง  บางทีถ้าเราปฏิบัติกับมันไม่ถูก  มันก็เสีย เสียให้กับจิตใจของเรา  แล้วส่วนรวมก็แก้ไขปัญหาไม่ได้   กลับไปซ้ำเติมปัญหาก็มี   เพราะฉะนั้นจะต้องเริ่มวางตัววางใจต่อปัญหา  เรื่องเลวร้าย  เหตุการณ์ไม่ดีนี้ให้ถูกต้อง
ที่กล่าวว่า ปัญหานั้นเป็นเรื่องฝึกใจและเป็นเรื่องลับปัญญา   เริ่มต้นก็คือว่า  เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างนี้  ใจเราต้องตั้งรับให้ถูก  คือไม่ให้ใจนี้ถูกกระทบกระแทก  บีบคั้น  ขุ่นมัว  เศร้าหมอง  หรือว่าเหี่ยวแห้งหดหู่  หรือฟุ้งซ่านวุ่นวายอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่  เรียกว่า  รักษาใจเราไว้   ให้สงบ  หนักแน่น  มั่นคง  นี้ก็อันที่หนึ่งนะ 
แม้แต่ชีวิตของเรา  ที่ท่านเรียกว่า  ถูกโลกธรรมกระทบกระทั่งแล้ว  ลาภ - เสื่อมลาภ ยศ – เสื่อมยศ  นินทา - สรรเสริญ  สุข – ทุกข์  นี้ มันเกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา  ท่านก็ให้ใช้เป็นเครื่องฝึก  ฝึกเรา  จนกระทั่งเรามีความสามารถ ที่จะตั้งรับต่อโลกธรรมเหล่านั้นได้ถูกต้อง  แม้แต่ใช้มันให้เป็นประโยชน์  พอใช้ให้เป็นประโยชน์  เราก็ได้ฝึกตัวเอง
อย่างเรื่องของปัญหาในวงการพระสงฆ์   เริ่มต้น  ก็รักษาใจของเราไว้ก่อน  การรักษาใจของเราสำคัญก็คือ ให้สงบ  หนักแน่น  มั่นคง  ไม่ถูกกระทบกระแทก  แล้วยกเรื่องให้ปัญญาจัดการ  ปัญหานั้นเป็นเรื่องของปัญญา  ไม่ใช่เรื่องของจิตใจ  ไม่ใช่เอาใจเข้าไปยุ่งกับปัญหา  กับความทุกข์  ซึ่งจะทำให้ใจนี้วุ่นวาย ใจนี้ก็พลอยทุกข์เดือดร้อนไปด้วย 
ปัญหาเป็นเรื่องของปัญญา  ปัญหานั้นต้องจัดการด้วยปัญญา   ใจก็ต้องรักษาให้เป็นปกติให้ดี  ใจมีสภาพที่ดี  ก็จะได้ใช้ใจนั้นทำงานของปัญญา   ใจต้องอยู่ในสภาพที่ดี  ใจนั้นเป็นที่ทำงานของปัญญา   ตัวปัญญาเป็นตัวที่จะจัดการปัญหา  แล้วถ้าที่ทำงานของปัญญาคือจิตใจไม่ดี  ปัญญาก็เสียโอกาสในการทำงาน เพราะฉะนั้น  จึงเป็นข้อจำเป็น  เป็นหลักการสำคัญที่ว่า  เมื่อเกิดปัญหา  เกิดเรื่องราวร้าย  ต้องรักษาใจให้ได้ ใจอยู่ในสภาพที่มั่นคง  หนักแน่น  สงบ  เป็นอย่างดีเลย แล้วปัญหามาก็ยกให้ปัญญา ปัญญาจัดการกับปัญหา คราวนี้เราก็ได้เรื่องแล้ว   ก็จะแก้ไขปัญหาได้
อย่างเรื่องในวงการพระสงฆ์ในเวลานี้ ถ้าเรามองด้วยปัญญาในแง่หนึ่ง อาตมาเคยเขียนหนังสือมาหลายเรื่อง หลายครั้งแล้ว  เรื่องประเภทนี้  เคยเกิดขึ้นมา  ไม่ใช่ครั้งเดียวนะ หลายท่านที่อายุมากๆ ก็เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายตรงนี้มา   แง่หนึ่งที่จะมอง  ก็จะบอกว่าพระสงฆ์นี้ถือว่า  ใช้ภาษาฝรั่งเรียกว่า  เป็น clean ของสังคมในแง่ของคุณธรรม จริยธรรม แล้วสังคมของไทยเรานี้  แม้แต่ส่วนที่ถือว่าเป็น clean สุดยอดดีนี้  ยังแย่ขนาดนี้  แล้วสังคมไทยส่วนใหญ่จะไปทางไหน
อันนี้กลายเป็นเครื่องเตือนเรานะ  ว่าอย่าได้ประมาท  ให้มาตรวจสอบตัวเองดู  ว่าตื่นขึ้นมาเสียเถิด  เราอาจจะตกอยู่ในความประมาทมานานแล้ว  สังคมไทยนี้อาจจะฟอนเฟะ  หรืออะไรไปอย่างรุนแรงแล้ว   มาจนถึงขนาดนี้  มาจนถึงส่วนที่เป็น clean นี้  แย่ไปด้วย   มันฟ้องแล้ว  ฉะนั้น  อย่าได้นอนใจ   อย่ามัวถกเถียงกันว่าอย่างนั้นอย่างนี้  โทษคนนั้นคนนี้  มาดูใจ   สังคมของตัวเอง  แล้วรีบตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมา  รีบหาทางแก้ไขกัน  นี่แหละ  เป็นเรื่องที่หนึ่งที่ว่า  จะให้เราตื่นตัว  ไม่ประมาท
 แล้วก็มองว่าคนไทยทุกคน พุทธศาสนิกชน พุทธบริษัททั้งหมดนี้  เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา เป็นเจ้าของวัดวาอาราม พุทธศาสนา  วัดวาอาราม  ไม่ใช่เป็นของพระองค์ไหน   แน่นอน  เป็นของชาติ  ของแผ่นดินทั้งหมด  เพราะฉะนั้น  เรามีส่วนร่วมรับผิดชอบทุกคน  ที่ต้องแก้ไข   แล้วทำไมเราปล่อยอย่างนี้  ที่มีเหตุร้ายอย่างนี้เกิดขึ้น  เพราะว่าชาวพุทธคนไทยนี้  ปล่อยปละละเลยหรือเปล่า  ตกอยู่ในความประมาทสำรวจตัวเองให้ดี  ก็จะเห็นว่า  สาเหตุมันเป็นอย่างนั้นด้วย 
อาตมาอยากจะเท้าความ แม้ตั้งแต่เสียกรุง หมายถึงกรุงศรีอยุธยาที่ถูกเผานี้ แล้วเรากู้ชาติกู้แผ่นดินจนมากระทั่งบัดนี้   เรายังไม่ได้ฟื้นตัวเท่าที่ควรเลยนะ   ยังไม่ไปถึงไหน  เพราะฉะนั้น  ตื่นขึ้นมา  แล้วก็รีบสำรวจตัวเอง  รุกขึ้นมาก้าวหน้าเดินต่อไป  ตั้งตัว  ตั้งหลักให้ดี  มันจึงจะไปได้ 
การที่จะดูแล แก้ปัญหาด้วยปัญญานั้น  ก็คือว่า
 ๑. ดูสภาพตัวเองอย่างที่ว่านี้ 
 ๒. สืบสาวเหตุปัจจัย การแก้ไขด้วยปัญญา  
แม้แต่ดูปัญหามันเกิดมายังไง  ก็เกิดจากเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา  
แล้วจะแก้ไขยังไง  ก็ต้องไปแก้ไขที่เหตุปัจจัยนั้นแหละ  แล้วตอนนี้เหตุปัจจัยยังไง  ทางฝ่ายพระ  ทางฝ่ายบ้านเมือง ทางฝ่ายประชาชนนี้มันมีเหตุกันทั้งนั้น  คือฝ่ายทำเหตุ  เพราะฉะนั้น  ไปวิเคราะห์แยกแยะกันให้ดี  เราก็จะเห็น ถ้าเห็นเหตุปัจจัย  เราก็เห็นทางแก้ไข
 เพราะฉะนั้น  อันนี้ก็ฝากไว้ว่า อย่ามัวไปโศกเศร้าเสียใจ ทำใจไม่สบาย ว้าวุ่น  ขุ่นหมองใจ  จะไปทางเหี่ยวแห้งหดหู่  หรือจะไปทางฟุ้งซ่าน  ไม่พอใจ  วุ่นวายใจ  อะไรก็ตาม  ไม่เอาทั้งนั้น เอาอยู่ในความสงบ  หนักแน่น  แล้วก็ให้ใจเป็นที่ทำงานใหญ่  เป็นที่ทำงานที่มีคุณภาพ สำหรับให้ปัญญามาทำงานอย่างได้ผล
ฉะนั้นต้องแยกอันนี้ให้ถูก  ใจเป็นที่ทำงานของปัญญา  เรื่องอย่างนี้มา  ใจไม่ต้องยุ่ง  ยกให้ปัญญา ปัญญาจัดการ  แล้วใจเราก็คอยตามดูด้วยความสบายใจว่า  มันก้าวหน้าไป  รู้ปัญหา  รู้ปัจจัย  เราก็สบายใจขึ้นเรื่อยๆ  ใจมีแต่เรื่องที่จะต้องรับมันให้ดี  เพราะฉะนั้น  ใจขุ่นมัวเศร้าหมอง  ปัญญาก็พลอยทำงานไม่ได้ผลไปด้วย
 ก็ขอให้โยมทุกท่าน ใจโล่งโปร่งสบายซะ  ไม่ต้องไปขุ่นมัวเศร้าหมองกับเรื่องนี้

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ตลกชีวิต


~ วันใดที่พกร่มออกจากบ้านฝนดันไม่ตก วันใดที่ฝนตกดันไม่ได้พกร่ม!

~ ช่วงที่ทำงานเจ้านายไม่เคยมาดู ช่วงที่แอบงีบเจ้านายจะเดินมาดูทำไม?

~ คนที่ฉันชอบกลับไม่ชอบฉัน คนที่ฉันไม่ชอบมันก็ไม่ชอบฉันเหมือนกัน!

~ ตอนเป็นเด็กอยากโตไวๆ พอโตเป็นผู้ใหญ่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

~ ตอนเป็นเด็กพอดิ้นดุกดิกได้พ่อแม่บอกเต้นเลยๆ พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวอยากเต้นพ่อแม่บอก -ึงจะไปเต้นทำไม?

~ ตอนเป็นเด็กเกาะแข้งเกาะขาพ่อแม่ พ่อแม่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมหนีไป พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวพ่อแม่ฉุดมือฉุดขาไว้ ยังไม่ได้ออกปากไล่ ก็ทิ้งพ่อแม่ไป

~ ก่อนที่ยังไม่มีอุปกรณ์สื่อสาร เราพูดคุยสื่อสารกันทุกวัน หลังจากมีอุปกรณ์สื่อสาร เรากลับพูดคุยสื่อสารกันน้อยลง

...
คนสมัยนี้ก็แปลก
เรียกลูกตัวเองว่าไอ้หมา แต่กลับเรียกหมาว่าลูก
ถนนยิ่งมายิ่งกว้าง ใจคนยิ่งมายิ่งแคบ
บ้านเรือนยิ่งมายิ่งสูง ใจคนยิ่งมายิ่งต่ำ
เงินทองยิ่งมายิ่งมาก ความสุขยิ่งมายิ่งน้อย
คนเมื่อก่อนหน้าเหมือนสัตว์แต่ใจเหมือนพระ เดี๋ยวนี้หน้าคนสวยเหมือนพระ แต่ใจเหมือน...

.....
Cr. นุสนธิ์บุคส์


วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ความแตกต่างระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระเจ้า

ความแตกต่างระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระเจ้า
คุณสามารถตั้งภาคีใดๆหรือสงสัยต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าได้แม้คุณจะเป็นพุทธศาสนิกชนหรือไม่ก็ตาม พระบรมศาสดาตถาคตเจ้าทรงตรัสไว้นานแล้วว่า ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้ทาง อย่าพึ่งเชื่อหากยังไม่ได้พิจารณาด้วยสติปัญญาของตัวเองก่อน แต่ถ้าคุณเป็นศาสนิกของพระเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้า (ศาสนาที่เป็นเทวนิยม มียิว คริสต์ อิสลาม ฮินดู เป็นต้น)ในนามผู้ศรัทธาคุณจะไม่สามารถตั้งภาคีใดๆกับพระเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้าได้เลย โดยประการทั้งปวง

      -มหาโทน-
   May 17,2018
 #ศาสนาเปรียบเทียบ

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

หนุ่มใจเด็ดเจตนาทำรถชนเพื่อช่วยชีวิตคน

แห่ชื่นชมพลเมืองดียอมให้รถตัวเองโดนชนเพื่อหยุดรถอีกคันหลังคนขับหมดสติ

                            ชายเกาหลีคนหนึ่งได้รับคำชื่นชมจากตำรวจและหลายฝ่าย เมื่อเขาตัดสินใจแซงรถจอดขวางคันหน้าเพื่อหยุดรถไว้อย่างไม่ลังเล เนื่องจากเห็นคนขับหมดสติ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุใหญ่กว่านี้ 


               ตำรวจเมืองอินชอนเปิดเผยเมื่อวานนี้ ว่าเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา บนถนนหลักสายชายฝั่งตะวันตก ซึ่งไม่ใช่เหตุรถชนธรรมดา แต่เป็นการกระทำโดยเจตนาเพื่อหยุดรถคันหนึ่งที่กำลังแล่นไถไปกับราวกลางถนนเนื่องจากคนขับหมดสติอยู่หลังพวงมาลัย 

                            แรงกระแทกไม่ได้รุนแรงนัก คนขับรถทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ 

                            ฮัน ยอง แทก วัย 46 ปี เจ้าของรถคันที่ยอมให้อีกคันชน เล่าว่า ห่วงรถตัวเองน้อยกว่าตอนที่เห็นรถอีกคันแล่นครูดราวกลางถนนไปข้างหน้าอย่างแปลกประหลาด

                            สื่อเกาหลีใต้ รายงานว่า คนขับรถซึ่งป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และเกิดความเครียดในวันก่อนหน้า หมดสติกะทันหันขณะกำลังขับรถ ปล่อยรถแล่นไปเรื่อยๆด้วยสภาพเช่นนั้น ก่อนที่นายฮันตัดสินใจหยุดรถด้วยวิธีการของเขา

                            กล่องดำจากรถของคนป่วย แสดงให้เห็นว่า มีรถหลายคันเลือกขับแซงไปโดยไม่หยุดมอง กระทั่ง ฮันใช้รถฮุนไดทัสคานีจอดข้างหน้าให้รถคันมีปัญหาชนให้หยุด 

                            ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป ผู้ผลิตรถทัสคานี เสนอซ่อมรถให้เขาทันทีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

กสทช. แจก Power Bank ฟรี! แค่โทรชี้เป้าสายสื่อสารรกรุงรัง


กสทช. ชวนประชาชนมาช่วยชี้เป้าจุดที่มีสายสื่อสารรกรุงรังบนเสาไฟฟ้าต่างๆ ที่พบเห็น หากส่งเบาะแสมาทาง กสทช. จะแจก Power Bank ให้แก่คนที่แจกเบาะแสทันที
สำหรับแคมเปญของกสทช. นี้เริ่มต้นแล้วโดยเงื่อนไขที่จะแจก Power Bank ให้แก่ประชาชนนั่นง่ายมาก แค่โทรมาบอกว่าพบเห็นสายสื่อสารจำพวกสายโทรศัพท์ สายอินเทอร์เน็ตที่พันกันรุงรังสายขาด กีดขวางทางจราจร หรืออยู่ต่ำกว่าจุดที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งสามารถโทรแจ้งมายังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. 1200 (โทรฟรี)จากนั้นผู้เกี่ยวข้องจะส่งเจ้าหน้าที่ไปแก้ไขให้ตามที่แจ้ง และจะดำเนินการส่ง Power Bank ให้ผู้ชี้เป้าโดยแจกทั้งสิ้น 4,500 เครื่องแบ่งเป็น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคกลาง 1,000 เครื่อง และกรุงเทพฯ 500 เครื่อง
ขั้นตอนการส่งเบาะแสมีดังนี้
  • โทรแจ้งมายังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. 1200
  • จากนั้นถ่ายภาพสายสื่อสารที่เป็นปัญหาส่งมายัง Line ID : @nbtc1200
  • เมื่อสำนักงาน กสทช. ทำการตรวจสอบว่าสายสื่อสารก่อให้เกิดปัญหาจริง จะส่ง Power bank ไปให้อย่างเร็วที่สุด
โครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ AIS TRUE 3BB และ Symphony เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมาเป็นหูเป็นตาคอยแจ้งเหตุดังกล่าวเพื่อความรวดเร็วในการแก้ไข ป่ะ…สนใจไหม เดินออกไปปากซอยก็เจอแล้ว

Most watched