วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พุทธศาสนสุภาษิต

นตฺถิ โลเก อนินทิโต
ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก

-พุทธศาสนสุภาษิต-

พุทธศาสนสุภาษิต

หทยสูส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับจิตใจ

-พุทธศาสนสุภาษิต-

พุทธศาสนสุภาษิต

สากัจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา

-พุทธศาสนสุภาษิต-

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คำคมธรรมะ เตือนใจ

หากมีปากไว้แค่กินข้าว
หรือนินทาชาวบ้าน
สู้เกิดเป็นใบ้ดีกว่า ยังไม่ต้องสร้างวจีกรรม

-คำคมธรรมะ เตือนใจ-

ความคิดของไอน์สไตน์


"ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นผู้มีสติปัญญาเลอเลิศแต่อย่างไร
แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้มีความกร
ะหาย อยากรู้อยู่เสมอ
มีความพากเพียรในการค้นหาสิ
่งที่อยากรู้อย่างอดทนรวมทั้ง
วิจารณ์ตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยนำมา
ซึ่งความคิดของข้าพเจ้า"

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อย่ารีบตัดสินความผิดของคนๆหนึ่ง เพียงเพราะคำตอบของเรา

ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า " ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร? "

เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า
" 7 บาท "

แต่มีเด็ก 2คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น

คนหนึ่งตอบว่า
" 2 บาท "

อีกคนหนึ่งตอบว่า
" ไม่ต้องทอน "

ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท คำตอบที่ได้ก็ คือ ภาพในใจของเขาสำหรับเงิน10 บาท คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้นจึงได้เงินทอน 2 บาท

ถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย คำตอบก็ คือ เด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้นคนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา

โชคดีที่เป็นการถาม - ตอบในห้องเรียน
ลองนึกดูสิครับว่า
ถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบ
ที่มีคำตอบเป็น ก-ข-ค-ง
เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนน
จากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ่

การสร้างโจทย์ที่ " เสมือนจริง "
จินตนาการของ " ครู " อาจถูก
จำกัดเพียงแค่ " ตัวเลข "
แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของเขาไร้กรอบ

10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือ เหรียญบาทก็ได้ เดี๋ยวนี้เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำ ตอบเพิ่มอีก 1 คำตอบ คือได้เงินทอน 1 บาท

โลกในห้องเรียนกับโลกของความเปป็นจริงนั้นแตกต่างกัน

-- โลกในห้องเรียนทุกคำถามส่วนใหญ่ มีเพียง 1 คำตอบ
-- แต่โลกของความเป็นจริง ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ

อย่ารีบตัดสินความผิดถูกของคนๆ หนึ่ง
เพียงแค่ คำตอบ ของเรา
อย่าหยุดความคิดสร้างสรรค์ของคนๆ หนึ่ง
ด้วยกรอบความคิดของเรา

Cr : วิศวกรมนูญ

เลื่อนสมณศักดิ์พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต) ขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

การเลื่อนสมณศักดิ์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นการแทนที่ตำแหน่งนี้ของเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งมรณภาพเมื่อต้นปี เป็นเสมือนก้อนหินโยนตูมลงบนบ่อน้ำนิ่งสนิทของมหาเถรสมาคม

พระพรหมคุณาภรณ์เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมดาแห่งหนึ่งที่นครปฐม ไม่มีเส้นสายการเมือง อยู่ดีๆ ก็โผล่มา แน่นอน - ด้วยความยินดีของชาวพุทธจำนวนมาก เพราะในรอบหลายปีนี้ ข่าวเกี่ยวกับวงการสงฆ์มัวหมองมืดมนเสียจนชาวพุทธส่ายหน้า หลายคนถามซ้ำซากว่าผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทำอะไรกันอยู่ ทำไมปล่อยให้อลัชชีครองเมือง ศาสนาพุทธสูญพันธุ์ไปแล้วหรือไม่

และเมืองไทยยังมีพระดีหลงเหลืออยู่หรือเปล่า

ดังนั้นการขึ้นสู่ตำแหน่งของพระสายพันธุ์ 'endangered species' จึงเป็นเรื่องน่ายินดี

เรื่องนี้มีความนัยอะไรหรือไม่?

ข่าวนี้ย่อมสร้างความหวังให้ชาวเราบ้างว่า เป็นไปได้ไหมว่านี่คือก้าวแรกของการสังคายนามหาเถรสมาคม? เพราะตำแหน่งนี้ส่งท่านเข้าไปเป็นกรรมการของ ม.ส. โดยอัตโนมัติ

พระพรหมคุณาภรณ์เป็นพระที่เป็นพระ ไม่มีรังสีเปล่งออกจากหัว ไม่มีความสามารถพิเศษขึ้นสวรรค์ชั้นไหน เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัล Prize for Peace Education จากองค์การ UNESCO

พูดสั้นๆ คือ เป็นพระปราชญ์ ไม่ใช่พระทำมาหารับประทาน

และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือเป็นพระผู้เขียนต่อต้านลัทธิธรรมกายมาแต่แรก

ส. ศิวรักษ์ เคยเขียนไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า "แท้ที่จริง ถ้าสมเด็จพระสังฆราชไม่ทรงพระประชวร และทรงบัญชาการพระศาสนาได้ ย่อมต้องเสนอให้พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ขึ้นเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์แท้ทีเดียว เพราะเจ้าพระคุณสมเด็จทรงยกย่องพระเถระรูปนี้ตลอดมา ทรงถือว่าพระคุณท่านเป็นเพชรเม็ดเอกของพระศาสนาเอาเลยทีเดียว"

ต่อให้เป็นเสียงเดียวในมหาวาตะแห่งพุทธพาณิชย์ ด้วยตำแหน่งระดับนี้ หากจัดการเรื่องประชาสัมพันธ์ได้ถูกจุด ก็อาจอาศัยกระแสสังคมช่วยสร้างแรงกระเพื่อม นำพาวงการสงฆ์สู่แผ่นดินธรรมจริงๆ สักที (หรือเปล่า?)

ชักตื่นเต้น!

………………..

ขอขอบคุณบทความโดย : วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/


Most watched