วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

นายจิมมี่ ชวาลา นักธุรกิจผู้ประกอบการค้าผ้ารายใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช จะสมทบโครงการร่วมบริจาคในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” ในนามของชาวนครศรีธรรมราชทุกคน คนละ 10 บาท รวมจำนวนเงิน 16 ล้านบาท


นายจิมมี่ ชวาลา นักธุรกิจผู้ประกอบการค้าผ้ารายใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมถึงการเป็นผู้ให้ จะสมทบโครงการร่วมบริจาคในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” ในนามของชาวนครศรีธรรมราชทุกคน คนละ 10 บาท รวมจำนวนเงิน 16 ล้านบาท


ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแต่อย่างใด เนื่องจากทุกคนต่างทราบกันดีถึงการเป็นผู้ให้ของนายจิมมี่ และทุกครั้งที่นายจิมมี่ บริจาคสมทบทุนในงานบุญคราวละมากๆ นั้น จะไม่เคยประกาศในนามของตัวเองเลย แต่จะประกาศทุกครั้งในนามของ “ชาวนครศรีธรรมราช”


♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢♢

 เผยประวัตินาย “จิมมี่ ชวาลา” มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ


เผยประวัตินาย “จิมมี่ ชวาลา” มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ หลังจากชาวพุทธแห่ติดตามข่าว บริจาคเงิน 28 ล้าน นำไปซื้อทองคำหนัก 20 กิโลกรัม เพื่อใช้บูรณะฯปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร-ผู้ดั้นด้นจากอินเดียสู่การเป็น“มังกรเมืองคอน”มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ-ยึด”กฎไตรลักษณ์”เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
จากกรณีที่นายจิมมี่ ชวาลา อายุ 58 ปี คหบดีมหาเศรษฐีเจ้าของกิจการ “จิมมี่คลังผ้า”ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช จะบริจาคทองคำ 20 กิโลกรัม มูลค่า 28 ล้านบาทในนามชาวนครศรีธรรมราช เพื่อบูรณะฯ ปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช
ที่มีคราบสนิมและหมองคล้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2558 และถวายเป็นพุทธบูชาและจนกลายเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮายกย่องชื่นชมนายจิมมี่ อย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวพุทธแห่ติดตามข่าว บริจาคเงิน 28 ล้าน นำไปซื้อทองคำหนัก 20 กิโลกรัม เพื่อใช้บูรณะฯป ลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยได้เข้าไปติดตามความคืบหน้าของข่าวตามสำนักข่าวต่าง ๆ ในโลกออนไลน์หลายหมื่นคน โดยส่วนใหญ่อยากทราบถึงประวัติความเป็นมากของนายจิมมี่ มหาเศรษฐีผู้ใจบุญว่าเป็นใคร มาจากไหน
ทำไมจึงยอมควักเงินมหาศาลบริจาคเพื่อพุทธศาสนาและถวายเป็นพระราชกุศล นอกจากนี้ได้แห่เดินทางไปอุดหนุนซื้อผ้าร้านจิมมี่ และถามหาตัวนายจิมมี่เพื่อขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจนร้านจิมมี่ มีผู้คนแน่นขนัดตลอดทั้งวัน
สำหรับประวัตินายจิมมี่ ชวาลา อายุ 58 ปี เป็นคนสัญชาติอินเดีย บิดาชื่อนายราม ชวาลา บิดาชาวอินเดียซึ่งนายราม และนายชม บิดานายราม (คุณปู่นายจิมมี่) ได้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เข้ามาปักหลักทำมาหากินในเมืองนครศรีธรรมราช
โดยค้าขายผ้า ต่อมาได้เปิดเป็นร้านขายผ้าชื่อ “ร้านนายชม” ใน ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่นายราม บิดานายจิมมี่ นอกจากจะขายผ้าแล้วยังชื่นชอบ”มวยไทย” ศิลปะการต่อสู้ของเมืองไทยจึงได้ฝึกฝนและชกมวยเป็นอาชีพ โดยชื่อ “รามซิง ศิษย์สุริยะ” จนมีโอกาสเข้าไปชกในเวทีราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร จนมีชื่อเสียงโด่งดัง
นายราม บิดา ได้หันมาเปิดร้านค้าผ้าในตลาดท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราชอย่างเต็มตัว โดยธุรกิจรุ่งเรือง เป็นที่รู้จักกันดีของชาวนครศรีธรรมราช ต่อมาในปี 2518 นายจิมมี่ ได้เดินทางจากประเทศอินเดียเข้ามาช่วยดูแลร้านขายผ้าของนายราม บิดา จนกระทั่งนายราม บิดาได้เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 59 ปี นาย นายจิมมี่ ชวาลา จึงได้สืบทอดธุรกิจค้าผ้าต่อจากนายรามบิดา โดยปรับปรุงและเปิดเปิดร้านค้าผ้าใหม่ชื่อร้าน “จิมมี่ คลังผ้า” บริเวณริมถนนราชดำเนิน ใกล้สี่แยกท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จนธุรกิจค้าผ้าเจริญรุ่งเรือง เติบโตมาจนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 40 ปีมาแล้ว
โดยตลอดระยะเวลาที่นายจิมมี่ ทำธุรกิจค้าผ้าใน จ.นครศรีธรรมราช จนฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีระดับต้น ๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช แต่ไม่เคยแล้งน้ำใจและไม่เคยบุญคุณแผ่นดินไทย
นายจิมมี่ ได้เคยบริจาคช่วยเหลือด้านสาธารณะบุญงานกุศลต่าง ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชแบบไม่เคยคิดที่จะเอาคืนเป็นจำนวนมากและอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่จะบริจาคในนามชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เช่นเดียวกับการบริจาคเงิน 28 ล้านบาท ใช้ซื้อทองคำ 20 กิโลกรัม เพื่อบูรณะฯ แก้ปัญหาคราบสนิมปลียอดพระธาตุนครศรีธรรมราช
นายจิมมี่ ได้ระบุชัดเจนว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่พี่น้องชาวนครศรีธรรมราช ที่มาอุดหนุนร้านค้าผ้าของนายจิมมี่ มาตลอดเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเงินยังเหลือจึงนำเงินเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมนครศรีธรรมราช และบริจาคให้ในนามชาวนครศรีธรรมราช บ่งบอกถึงการเป็นเศรษฐีใจบุญและทดแทนบุญคุณแผ่นดินนครศรีธรรมราช และแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง
“ในการมอบเงิน 28 ล้านในครั้งนี้เราเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น โดยเงินนี้เป็นเงินที่มาจากประชาชนชาวนครศรีธรรมราชทั้งนั้น ประชาชนมาอุดหนุนซื้อผ้าจากร้านของเราได้เงินมาหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเราก็เก็บเอาไว้ตามปกติ แต่นี่เงินมันเหลือจะเอาไปไหน โดยตาม “กฎไตรลักษณ์”ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีใครเอาอะไรไปได้
เมื่อมันเป็นเงินที่พี่น้องชาวนครศรีธรรมราชมาอุดหนุนร้านจิมมี่และมันเหลือจะเอาไปไหนละ จะให้ลูกหลานหมดเลยหรือ ตัวผมเองพ่อแม่ไม่ได้ทำอะไรไว้ให้มากมายนอกจากให้ชีวิตที่เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด จะให้เราส่งต่ออะไรให้ลูกหลานมากมายมันคงไม่ใช่ เขาก็สร้างของเขาเองได้ ดังนั้นเราก็เอาส่วนที่เหลือนี้ถวายกลับให้แผ่นดิน เพื่อเป็นพระราชกุศล ทุกคนก็มีรอยยิ้ม พี่ ๆ นักข่าวเองก็มีรอยยิ้มเพราะมันไปในที่ที่ดีทั้งหมด ถ้าเราคิดดี พูดดี และเราทำดี มันก็คือสิ่งดี ๆ ก็ควรจะปล่อยความดีไว้ให้เป็นความดี”นายจิมมี่ กล่าวย้ำหนักแน่น
นายจิมมี่ ได้สร้างฮือฮาในสังคมอีกครั้งหนึ่งเมื่อ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ปี 2549 นายจิมมี่ ได้จัดงานแต่งงานอย่างสุดหรูให้นายนายวิษณุหรือแซนดี้ ลูกชายวัย 26 ปี โดยทุ่มเงินกว่า 3 ล้านบาทปิดโรงแรมทวินโลตัส เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช ทั้ง 18 ชั้น เชิญแขกกว่า 2,000 คนมาร่วมงานจนแน่นโรงแรม โดยประกาศไม่ขอรับซองจากแขก แต่หากแขกที่มาร่วมงานท่านใดจะให้ซองก็ให้ใส่ในตู้บริจาค ปรากฏว่าได้เงินกว่า 1 ล้านบาท นำขึ้นทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
นอกจากนี้ยังประกาศว่าใครสวมใส่ชุดสาหรี่ในงานยังประกาศแจกเงิน  1 แสนบาททันที สำหรับแขกคนไหนที่แต่งชุดสาหรี่มาร่วมงานแต่งลูกชายจนจะมอบเงินให้คนละ 100,000 บาท และในวันงานมีผู้แต่งชุดสาหรี่มาร่วมงานได้รับเงินคนละ 100,000 บาทไปหลายคนจนเป็นที่ฮือฮามาจนถึงทุกวันนี้
“จิมมี่” เป็นหนึ่งในบรรดาผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและด้วยจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้ ที่สร้างสีสรร เรื่องราว และสร้างคุณประโยชน์นานาประการให้เกิดขึ้น โดยนายจิมมี่ ประกาศด้วยสำเนียงภาษาไทยปักษ์ใต้อย่างชัดเจนว่า "ผมเป็นคนนคร " ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้ยกย่องว่า“มังกรเมืองคอนมหาเศรษฐีใจบุญ นายจิมมี่ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น "คนดีศรีเมืองนคร"
และได้รับปริญญาธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ (การตลาด) จากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช โดยนายจิมมี่ ยึดหลักการ “รู้คุณ–ทดแทนคุณ” และหลักธรรมของพระพุทธศาสดาคือกฏ“ไตรลักษณ์” อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หมายถึงเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไฟ เป็นหลักในการดำเนินชีวิตและธุรกิจมาโดยตลอด.

ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช

ขอขอบคุณเนื้อหา/ที่มา

ไม่มีความคิดเห็น:

Most watched