วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อย่าแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน...



อย่าแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน...

ศาสตราจารย์แมนเฟรด คราเมส (Prof.Manfred Krames) เป็นคนเยอรมัน เขาอาศัยอยู่ในศรีลังกาหลายปี กระทั่งหลังเกิดมหาสึนามิไม่นานเขาจึงย้ายมาพำนักที่ ประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ ฝรั่งคนนี้มีมุมมองที่น่าสนใจยิ่งในเรื่องในหลวงกับคนไทย

เขาบอกว่า เวลาได้ยินคนไทยพูดว่า รักในหลวง เขารู้สึกเศร้าใจ

เขาถามว่า เป็นคุณ ๆ จะไม่เศร้าใจหรือถ้าคุณมีลูกที่ไม่เคยเชื่อคำสอนของคุณเลย ไม่เคยเดินตามแนวทางที่คุณวางไว้ ไม่ต้องการเรียนรู้อะไรจากคุณ

"สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเพียงแค่ก่อปัญหาแล้วก็เรียกร้องให้ท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ ในขณะเดียวกันก็พร่ำพูดว่า ลูกรักพ่อ ถ้าท่านเป็นพ่อ ท่านจะรู้สึกอย่างไร"

ในทัศนะของเขา ในหลวงคือ ครูผู้ยิ่งใหญ่ หรือ บรมครูผู้ที่เราต้องเรียนรู้จากพระองค์ท่าน

"...ทรงเป็นครูของเรา แต่ได้โปรดตระหนักไว้เสมอว่า อย่าศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาใจครู  แต่จงศึกษาเล่าเรียนเพื่อประโยชน์และความดีงามให้แก่ตัวท่านเอง...

...ผมคิดว่า เป็นการไม่รับผิดชอบ ที่จะนั่ง ๆนอน ๆ ใช้ชีวิตอย่างสบายและให้คนคนเดียวทำงานอย่างหนัก เพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาของชาติ ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความไม่เคารพพระองค์ ซึ่งแย่เสียกว่าการพูดถึงพระองค์ในทางที่ไม่ดีในที่สาธารณะ

ประเทศหลายแห่งในโลกจะดีใจมาก  ที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ แต่ท่านเองเป็นคนไทย มีพระองค์เป็นกษัตริย์ แต่ไม่ได้นำประโยชน์จากพระองค์มาใช้ประโยชน์ในชีวิตเลย

ผมคิดว่า น่าละอาย ถ้าหากเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปสู่วาระใหม่และมีกระแสลมแรงมาจากทิศทางอื่น ประเทศหลายแห่งในโลกจะชี้มายังประเทศไทยและดูแคลนว่า ดูสิ พวกเขามีครูที่ยิ่งใหญ่แต่ได้เรียนรู้จากพระองค์น้อยมาก !

ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นบุคคลเพียงคนเดียว ที่พยายามพัฒนาชาติ ในขณะที่คนอื่นๆในชาติเฝ้าแต่รอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น..."

ศ.คราเมส ระบุว่า จะพบเห็นว่า นักการเมืองจำนวนมากในเอเซีย ที่หลังจากครองอำนาจ และได้ผลประโยชน์แล้ว มักจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรแก่ประชาชนเลย นักการเมืองเหล่านั้น ทำให้ในหลวงทุกข์ใจ  พวกเขาเสแสร้งว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ แต่นั่นเป็นการสร้างภาพไม่ใช่ความจริง !

"พวกเขาเพียงแค่ต้องการใช้ภาพความจงรักภักดีนี้  เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเทคะแนนให้ ในการเลือกตั้ง และขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมาเท่านั้น ประชาชนไทยมุ่งหวังว่า นักการเมืองจะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ เฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  แต่พวกเขาก็ทำให้คนไทยทั้งชาติผิดหวัง พวกเขาไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้เพราะพวกนักการเมืองไทย ได้รับอิทธิพลแนวคิดแบบตะวันตก และมีหัวใจที่ถูกครอบงำไว้ด้วยธุรกิจ

สำหรับผม พวกเขาจึงไม่ได้มีความเป็นไทยอีกแล้ว นั่นคือ เหตุผลที่ว่า ทำไมคนธรรมดาสามัญทั้งหลาย จึงรู้สึกรับไม่ได้กับการคอร์รับชั่น ฉ้อราษฏร์บังหลวงและนักโกหกที่ทำลายประเทศ ลงด้วยมือของพวกเขาเอง..."

ศ.คราเมส เสนอแนะว่า คนไทยจะต้องเข้าใจคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถ่องแท้ และผสมผสานแนวทางแห่งพระพุทธศาสนาของพระองค์ ลงไปในการดำเนินชีวิตประจำวันและถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ในโรงเรียนเพื่อให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้ศึกษาด้วย

เขาเห็นว่า พระราชดำริหรือสิ่งที่ทรงทำในทุก ๆ เรื่องนั้น ทรงใช้หัวใจทั้งสิ้น เพราะพระองค์เข้าใจดี ถึงคุณค่าของความรักและความซื่อสัตย์. คนไทยทั้งหลายรู้สึกเชื่อมโยงถึงพระองค์ท่านได้ก็เพราะสิ่งนี้

เขาคิดว่า คำสอนของในหลวงนั้นเป็นสากลเช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ คนทั่วโลกถึงเรียนรู้และปรับเอาความรู้จากในหลวงไปใช้ได้เช่นกัน

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของความชาญฉลาด แบบตะวันตก และภูมิพลังปัญญาแบบตะวันออก ในบุคคลเดียวกัน ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งสมบูรณ์พร้อมอย่างมาก..."

ศ.คราเมส ระบุว่า นักการเมืองไทยนั้นตกอยู่ในค่านิยมตะวันตก มักกระตุ้นคนด้วยการบริโภคนิยม กับอำนาจล่อใจของอิทธิพลทางการเมือง
และวัตถุนิยมกำลังเข้มแข็งมากเกินไปในสังคมไทย. เพราะมองเห็นเช่นนี้เขาจึงเตือนว่า
"คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงกำลังสูญหายไปตลอดกาล หากยังไม่มีใครตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญแห่งคำสอนนั้น..
ทุกคนควรตระหนักว่า  หนทางเดียวที่จะแสดงความเคารพต่อครูก็คือ เรียนรู้จากพระองค์เพื่อที่จะนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เพียงแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน.”..

...หากคนทุกช่วยกันเก็บรักษาเจตนารมย์ อันแรงกล้าและคำสอนของพระองค์เอาไว้ ให้อยู่สืบต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน ผมเชื่อเหลือเกินว่า พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคน พระองค์นี้จะอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดกาล"

ฝรั่งคนนี้เป็นใครยังไม่ได้สืบค้น แต่หลายคำของเขานั้นมีคุณค่าน่าเอามาใส่ใจ

บัดนี้ สิ่งที่เขาเตือนคนไทยมาหลายปีนั้น ปรากฎชัดว่า เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เช่น หลายประเทศในโลก เห็นคุณค่าของในหลวง กับสิ่งที่พระองค์คิด และสิ่งที่พระองค์ทำ แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติก็ยกย่องสดุดีพระองค์ท่าน

ในไม่ช้านี้ คำเตือนของเขาอีกหลายอย่างก็คงจะเกิดขึ้นตามมา

น่าคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันสืบทอด ช่วยกันบำรุงรักษา หรือพัฒนาพระราชมรดก ที่พระราชทานไว้ให้แก่สังคมเราสืบต่อไปได้อย่างไร

ภัทระ คำพิทักษ์ เรียบเรียงจากบทความเรื่อง
เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว โดย ศาสตราจารย์แมนเฟรด คราเมส (Prof.Manfred Krames)
ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Lips ปีที่ 4 ฉบับที่ 16 วันที่ 6 สิงหาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

Most watched