วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

นาฬิกาชีวิต


ช่วงเวลา ระบบที่เกี่ยวข้อง 
01.00-03.00 น. ตับ นอนหลับพักผ่อนให้หลับสนิท
03.00-05.00 น. ปอด ตื่นนอน สูดอากาศบริสุทธ์
05.00-07.00 น. ลำไส้ใหญ่ ขับถ่ายอุจจาระ
07.00-09.00 น กระเพราะอาหาร กินอาหารเช้า
09.00-11.00 น. ม้าม พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
11.00-13.00 น. หัวใจ หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปว
13.00-15.00 น. ลำไส้เล็ก งดกินอาหารทุกปะเภท
15.00-17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เหงื่อออก ( ออกกำลังกายหรืออบตัว )
17.00-19.00 น. ไต ทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
19.00-21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ ทำสมาธิหรือสวดมนต์
21.00-23.00 น. ระบบความร้อนของร่างกาย ไม่ควรอาบน้ำเย็น และตากลม ควรทำให้ร่างกายอบอุ่น
23.00-01.00 น. ถุงน้ำดี ดื่มน้ำปริมาณน้อยก่อนเข้านอน

การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์ อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง

อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต

อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย ( ชานเจียว )

การไหลเวียนของพลังชีวิต ( ลมปราณ ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “ นาฬิกาชีวิต “

ตัวอย่าง เช่นการไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น. และสูงสุดในช่วงประมาณ 04.00 น. จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ เวลา 05.00 น. การรักษาโรคของเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรอยู่ระหว่างเวลา 05.00 น.

ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาตะวันตก คือ ยาดิติตาลิส ในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว ( มีการคั่งของน้ำในปอด ) การให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น. จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณสี่สิบเท่าของการให้เวลาอื่นเป็นต้น

การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายในมีกฎเกณฑ์แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา ( นาฬิกาชีวิต ) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบต่าง ๆ ฯลฯ เป็นไปตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป

การดำเนินชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขาพที่ดีและมีอายุยืน ปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้

01.00 - 03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนกลางคืนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน
( melatonin ) เพื่อฆ่าเชื้อโรคทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราโทนินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดฟิน ( endorphin ) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหารเพราะจำทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว
หน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รองคือ
1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บ จะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

03.00 - 05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และรับแสงแดดในยามเช้าผู้ที่ตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดี ผิวดีขึ้น คนตื่นสาย ปอดจะไม่แข็งแรง

05.00 - 07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ให้ดื่มน้ำ 2 แก้ว เพื่อขับของเสียออกจากร่างกายผ่านอุจจาระและปัสสาวะ

07.00 - 09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงนี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

09.00 - 11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้ายและมีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ
- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
- ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมันจึงทำให้อ้วนง่าย

ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00 – 11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ

11.00 - 13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

13.00 - 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก จึงควรงดกินอาหารทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามิน ซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมองซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

15.00 - 17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวตา ผ่านหน้าผาก ศีรษะ ท้ายทอย แผ่นหลังทั้งแผ่น สะโพก ด้านหลังขา หัวเข่า น่อง ส้นเท้า
นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด
ช่วงเวลานี้จึงควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง
การอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ

17.00 - 19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก
- ไตซ้าย จะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
- ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหาความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว ( ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนที่มีอายุยืน เป็นคนกล้า )
ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
การดูแล คือ แช่เท้า ในน้ำอุ่นควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโรคของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง และใช้สมุนไพรขับเมือกมันในลำไส้ เช่น จตุผลาธิกะ

19.00 - 21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ทำสมาธิ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือหัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง
เยื่อหุ้มหัวใจ มีผลต่อการทำให้โคเรสเตอรอลสูง มีผลทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว เส้นเลือดตีบในสมองหรือคนที่เป็นเส้นเลือดขอด ให้ใช้กระเจี๊ยบแดงต้มกับพุทราไทยหรือจีนก็ได้ เติมน้ำตาลกรวดเล็กน้อย เอาไว้ล้างไขมันในเลือดได้ดีครับ

21.00 - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ควรอาบน้ำเย็น หรือตากลมในช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่า

23.00 - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ( ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ ) อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม ( ถุงน้ำดีจึงโยงไปถึงปอด ) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบ ดังนั้นควรดื่มน้ำปริมาณน้อย ก่อนเข้านอน 


Cr 

"ความล้มเหลวนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา ถ้าใครไม่เคยล้มเหลว ก็จะไม่ได้เรียนรู้ และคนที่ไม่ได้เรียนรู้ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น"

"ความล้มเหลวนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา
ถ้าใครไม่เคยล้มเหลว ก็จะไม่ได้เรียนรู้
และคนที่ไม่ได้เรียนรู้ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น"

คำว่าทำไม่ได้ มันไม่มีหรอก มันอยู่ที่ว่าเราเอาจริงกับมันหรือไม่


ถ้าคิดจะ "ก้าวเดิน" ก็ต้องกล้าที่จะยอมรับทุกๆสิ่ง..ที่จะผ่านเข้ามา...


วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โจรขโมยล้อ ใช้เวลาเพียง 2 นาที ระวังกันด้วยครับ

โจรขโมยล้อ ใช้เวลาเพียง 2 นาที ระวังกันด้วยครับ
---------------------------------------
ข้อความเจ้าของคลิป : จอดรถไว้ทุกคืนหน้าบ้าน เห็นไฟสว่าง และไปมาเยอะแยะ จอดมาหลายปี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแก๊งมาเอายางไปง่ายๆ แถมแค่ 2 นาทีก็เอาไป 4 ล้อ ใครพบเจอช่วยกันแจ้งด้วยนะครับ ยางเส้นหนึ่งไม่ใช่ถูกๆ ครับ 

ที่มา : www.youtube.com/watch?v=GXwPes_vvb8

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

T_T &*

ฉันเดินเล่นอยู่ในห้าง ขณะที่เดินผ่านแคชเชียร์แผนกตุ๊กตา ก็ได้ยินพนักงานพูดกับเด็กชายตัวน้อยๆว่า "เงินไม่ครบนะจ๊ะ ไปหาเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยมาซื้อใหม่" เด็กชายตอบว่า "ช่วยลองนับใหม่อีกทีได้เปล่าครับ" แคชเชียร์ก็ลองนับดู ซึ่งก็ไม่ครบเหมือนเดิม จึงบอกเด็กน้อยว่า "เงินมันไม่ครบจ๊ะ ไว้มีครบค่อยมาใหม่นะจ๊ะ" เด็กน้อยยังคงถือตุ๊กตาไว้ "ฉันจึงเข้าไปถามเด็กน้อยว่าหนูอยากได้มากเลยเหรอ" เด็กน้อยตอบกลับมาว่า "พี่สาวผม เค้าชอบและอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้มากครับ" "ผมต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดพี่ ผมจะเอาไปให้แม่ เพราะแม่สามารถเอาไปให้พี่เค้าได้" เด็กน้อยแววตาเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า และพูดต่อว่า "พี่สาวผม เค้าไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว..." "พ่อผมบอกว่า แม่ ก็กำลังจะตามไปเร็วๆนี้ ผมเลยตั้งใจจะฝากแม่ผมไปให้พี่" ฉันฟังแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น เด็กน้อยมองมาที่ฉัน และพูดต่อ "ผมบอกพ่อว่า อย่าเพิ่งให้แม่ไปจนกว่าผมจะกลับมาจากห้าง" จากนั้นเด็กน้อยให้ดูรูปๆหนึ่ง เป็นรูปของเขากับพี่สาวกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข แล้วเล่าต่อว่า "ผมอยากเอารูปนี้ ฝากให้แม่ไปด้วย เอาไปให้พี่สาวผม เค้าจะได้ไม่ลืมผม" "ผมไม่อยากให้แม่จากไปเลย แต่พ่อบอกว่าแม่ต้องไปหาพี่" พูดจบเด็กน้อยก็ก้มมองตุ๊กตาด้วยใบหน้าน้ำตาไหลนอง ทุกอย่างนิ่งเงียบสนิท ครั้งตั้งสติได้ ฉันก็ควักกระเป๋าสตางค์ และถามแคชเชียร์ว่า "ยังขาดอีกเท่าไหร่ค่ะ" แล้วฉันก็จ่ายส่วนที่ขาดให้ เด็กน้อยพูดขึ้นมาว่า "ขอบคุณพระเจ้า" เด็กน้อยมาหน้าฉันแล้วเล่าให้ฟังว่า "เมื่อคืน ผมวิงวอนขอจากพระเจ้าให้มีเงินซื้อตุ๊กตานี้เพื่อที่จะฝากให้แม่ไปให้พี่สาวผม และผมยังขอดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งแม่ผมชอบมากไว้ด้วย ผมรู้สึกได้ พระเจ้าบอกให้ผมมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น"

หลังจากเดินห้างเสร็จ ในหัวฉันคิดวนไปวนมาแต่เรื่องเด็กน้อย และก็นึกขึ้นได้ถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ของสองวันก่อน เป็นข่าวอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับรถเก๋ง ในรถเก๋งเด็กหญิงตายในที่เกิดเหตุ และคุณแม่อาการหนัก ส่วนฝ่ายรถบรรทุกบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ตรวจสอบแล้ว คนขับรถบรรทุกเมาแล้วขับ ซึ่งตอนนี้ คุณพ่อของเด็กหญิงที่ตาย อยู่ที่โรงพยาบาลดูอาการของ แม่เด็กหญิงที่ตาย และตัดสินใจ จะให้หมอ ถอดสายช่วยชีวิตออก เนื่องจากอาการหนักมากๆ ไม่สามารถรักษาได้ ทำได้แค่เพียงรั้งชีวิตไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งคนไข้ จะทรมานมาก ฉันก็เริ่มคิดว่า คนในข่าวนี้ ใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนี้รึเปล่า

สองวันหลังจากนั้น ฉันก็เห็นข่าวว่า คุณแม่คนนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยความคาใจ ว่าใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนั้นรึเปล่า ฉันจึงลองหาข้อมูลของผู้ตาย สอบถามจากคนละแวกนั้นว่าผู้ตายทำพิธีศพที่ไหน และฉันก็ตามไปจนเจอ

สิ่งที่ฉันพบจากหลุมฝังศพผู้หญิงในข่าวก็คือ รูปภาพประดับบนโลงศพ เป็นรูปเธอยืนถือช่อกุหลาบสีขาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข , รูปภาพของเด็กชายกับเด็กหญิง กำลังหัวเราะกันอย่างร่าเริง และ ตุ๊กตาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตัวที่เด็กน้อยซื้อไปในวันนั้น ฉันเดินออกจากสถานที่นั้น ด้วยความรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจไว้ และไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นลูกของเธอจริงๆ ได้แต่คิดถึงความรักของเด็กน้อยที่มีต่อแม่ และพี่สาวของเขา และสิ่งที่ทำลายทุกอย่างของเด็กน้อยผู้นี้ คือ ความเห็นแก่ตัว ของผู้ที่ เมาแล้วขับ มันทำลายทุกอย่างไปจากเขา

ถ้าดื่มได้โปรด อย่าขับเลย

ตอนนี้คุณมีทางเลือก 2 ทาง

1 ช่วยกันส่งต่อเรื่องนี้ หรือ

2 ไม่ต้องสนใจ




**** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ประเทศอังกฤษ ****

Most watched