วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

"สัจธรรม"..

1.ไม่ว่าวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน จงยิ้มเข้าไว้...เพราะพรุ่งนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า
2.คำว่า 'พรุ่งนี้รวย' ของคนขายลอตเตอรี่ ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นปรัชญาที่ต้องตีความหมาย...เหมือนคำพูดของนักการเมือง ตอนหาเสียง
3.สิ่งที่คนเมาพูด คือ สิ่งที่คนปกติคิด
4.ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่ไม่ว่าคุณจะแก้ดียังไง มันก็จะนำไปสู่ปัญหาใหม่ ที่ต้องให้คุณคิดหาทางแก้ไขต่อไป..เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย
5.ทุกปัญหาย่อมมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด...แต่วิธีแก้ที่ง่ายที่สุด จะพบหลังจากใช้วิธียากที่สุดไปแล้ว
6.อะไรก็ตามที่คุณอยากจะถาม... เป็นไปได้มากว่า มันคือสิ่งที่คุณไม่ควรจะรู้
7.คนเรามักจะพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในเวลาที่ไม่เหมาะที่สุด และกับคนที่ไม่น่าจะพูดที่สุด
8.สินค้าที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดที่สุด คือ สินค้าที่คนโง่ที่สุดใช้เป็น และอยากจะใช้ แม้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม
9.เมื่อคุณมาประชุมสาย ประธานจะมาตรงเวลา และเมื่อคุณมาตรงเวลา การประชุมเลื่อนไปไม่มีกำหนด
10.อะไรก็ตามที่คุณคิดได้ และรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆ คุณก็จะพบว่า มีคนอื่นที่ไหนสักแห่ง คิดมาแล้ว
11.คนดีๆ... ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว (เหมือนที่จอดรถ)
12.ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่... มันก็ต้องมีเหตุผลแหละนะ(ไม่เหมือนที่จอดรถ)
13.อะไรที่คุณเอะใจว่า มันจะดีเกินจริง... เป็นไปได้มากว่า มันไม่จริง
14.ความรัก ก็เหมือนการรอรถเมล์.... สายที่ไม่อยากขึ้น ก็มาจัง ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ก็รอไปเถอะ พอมาก็ไม่จอด, พอจอด ก็คนแน่น ขึ้นไม่ได้, พอขึ้นได้ รถก็ไปตายกลางทางอีก
15.ความรักก็เหมือนกับเหรียญ แหวน หรือชิ้นส่วนเล็กๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดมือตกลงพื้น มันจะต้องกลิ้งไปยังซอกที่มืดที่สุด และลึกที่สุด จนเรามองไม่เห็น และเอื้อมไม่ถึง
16.รถไฟอาจจะวิ่งบนราง แต่อย่าด่วนสรุปว่า มันวิ่งไปทางไหน โดยดูจากราง เพราะเมื่อเหลียวกลับมามองอีกที รถไฟขบวนนั้นอาจจะวิ่งผ่านคุณไปแล้วก็ได้ สวย หรือหล่อ ไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความ แต่อยู่ที่จินตนาการ
17.ความรัก สวนทางกับกฎฟิสิกส์ นั่นคือ เมื่อเราให้ความรักกับใครมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับตอบแทนกลับมาเป็น สัดส่วนผกผันกลับ
18.เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'เป็นเพื่อนกัน' แปลว่า 'ต้องการจะเลิกคบกัน'
19.เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'มีอะไรต้องคุยกัน' แปลว่า 'ไม่ต้องการคุยกันอีกแล้ว'
20.ความรักทำให้คนตาบอด, การแต่งงานช่วยให้คนตาสว่าง
**********************

สูตรสู่ความสำเร็จ

ถ้า A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
.มีค่าเท่ากับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26
แล้วจะพบว่า......1) H+A+R+D+W+O+R+K = 8+1+18+4+23+15+18+11 = 98%
HARD WORK หรือ ทำงานหนัก มีค่าเท่ากับ 98 %
2) K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%
KNOWLEDGE หรือ ความรู้ มีค่าเท่ากับ 96 %
3) L+O+V+E=12+15+22+5 = 54%
LOVE หรือ ความรัก มีค่าเท่ากับ 54 %4) L+U+C+K = 12+21+3+11 = 47%
LUCK หรือ โชค มีค่าเท่ากับ 47 %
Q ; ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ !!!
แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ 100 %
- ใช่เงินหรือเปล่า ?……… .... .....
ไม่ใช่ !!!!!
- ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?…
……ไม่ใช่ !!!!!
Q ; แล้วอะไรล่ะ ?
Ans. ; A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5 = 100%
ATTITUDE หรือ ทัศนคติ นั่นเอง ที่มีค่าเท่ากับ 100 %
ท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่
ทุกปัญหามีทางออก . . บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน "ทัศนคติ "ของเราเสียใหม่เท่านั้นเอง มีเพียงแต่ “ทัศนคติ” ของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวนำทาง ไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และงานที่ทำ
ความคิด & ทัศนคติ
สุดท้าย .... ลงมือทำ ........

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีความหมายเสมอ

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีความหมายเสมอ
<เก็บจากTorakhong;Credit:คุณกาแฟครึ่งถ้วย>
ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีความหมายเสมอมี
>ขยะ . . . ที่ต้องเก็บหลังงานปาร์ตี้เลิก...นั่นหมายความว่า. . . เราได้อยู่กับเพื่อนๆ
>มีภาษี. . . ที่ต้องจ่ายหมายความว่า. . . เรามีงานทำ
>มีเสื้อผ้า. . . คับเกินไปหมายความว่า. . . เรามีอาหารเพียงพอที่จะกิน
>มีเงาตามหลังขณะเราทำงานหมายความว่า. . . เราได้ออกไปรับแสงแดด.
>.มีสนามหญ้าที่ต้องตัด / หน้าต่างที่ต้องทำความสะอาดหมายความว่า. . . เรามีบ้านอยู่
.>มีเสียงด่ารัฐบาล. . . ที่เราได้ยินหมายความว่า. . . เรามีเสรีภาพที่จะพูด
>>ได้ที่จอดรถที่ไกลที่สุดของพื้นที่จอดนั่นหมายความว่า. . . ขาเรายังเดินได้
>>เสื้อผ้ากองใหญ่. . . ที่ต้องซักรีด.หมายความว่า. . . เรายังมีเสื้อผ้าใส่
>>รู้สึกเมื่อยล้า. . . หลังการทำงานในแต่ละวันหมายความว่า. . . เรายังทำงานได้
>>>เสียงนาฬิกาปลุก. . . ที่ดังขึ้นทุกเช้าหมายความว่า. . . เรายังมีชีวิตอยู่
<<<>>>>>

สิ่งที่ไม่ควรทำคือ " การยอมแพ้ "

>>ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่งซูริค ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า 'สมองช้า ไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา' ชายคนนั้น...ชื่อ 'อัลเบิร์ต ไอสไตน์' บิดาแห่งปรมาณู
>>ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์ ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ ชายคนนั้น...ชื่อ 'นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์' ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
>>ชายกลุ่มหนึ่ง...เป็นนักดนตรี ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ติ้ง ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า 'เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว' ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า 'เดอะ บีเทิลส์' สี่เต่าทองแห่งตำนาน
>>ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน ชายคนนั้น...ชื่อ 'ไมเคิล จอร์แดน' หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ชายคนนั้น...ชื่อ 'ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน' นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก
>>ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6 ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี ชายคนนั้น...ชื่อ 'วินสตัน เชอร์ชิล' อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
>>ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท่านั้น ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี ชายคนนั้น...ชื่อ 'หลุยส์ ปาสเตอร์'++

++ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า 'แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า' ชายคนนั้น...ชื่อ 'เอลวิส เพรสลีย์' ***
***หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า 'เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯ หรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า' หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม 'มาริลีน มอนโร' นั่นเอง@@@
@@ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ ชายคนนั้น...ชื่อ 'วอเรน บัฟเฟตต์' นักลงทุนอัจฉริยะ อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก(ปัจจุบัน) +++^^^@@@@
>>ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า 'สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์' ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า 'แค่เด็ก' ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม 'บิลล์ เกตส์' ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ (ปัจจุบัน) ^^^
+++
<<<ผมเชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลวคนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหากครับ>>>>


Most watched