วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[Update] คิมน้อยทดสอบขีปนาวุธล่าสุด

​เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้ง ด้านเกาหลีใต้และญี่ปุ่นออกมาประณามการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ใช่ขีปนาวุธข้ามทวีป

ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งถูกยิงออกมาจากเมืองคูซอง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเปียงยาง และมีพิสัยไกลประมาณ 700 กิโลเมตร ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาประณามการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ โดยนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้สั่งให้มีการประชุมเร่งด่วนกับฝ่ายความมั่น คงภายในประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้

ขณะที่ญี่ปุ่นก็ออกมา ประณามเกาหลีเหนือเช่นกัน โดยระบุว่า ขีปนาวุธลูกนี้ถูกยิงและลอยอยู่บนอากาศประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะตกลงในทะเลญี่ปุ่น ส่วนผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯภาพพื้นแปซิฟิกก็ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯจะตรวจสอบชนิดของขีปนาวุธลูกนี้อีกครั้ง แต่เบื้องต้นสรุปได้ว่า ลักษณะการเคลื่อนที่ของขีปนาวุธลูกนี้แตกต่างไปจากขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM ที่จะสามารถโจมตีสหรัฐฯได้

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง และยังข่มขู่ว่าพร้อมจะยิงขีปนาวุธทุกเมื่อ รวมถึงจะเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธยิงข้ามทวีปไปหาสหรัฐฯ จนสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดอย่างมาก ทำให้นานาชาติต่างออกมาประณามเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯเองก็เริ่มใช้มาตรการทางทหารและทางเศรษฐกิจมากดดันเกาหลีเหนือควบคู่กับไปด้วย
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯกล่าวโทษว่าสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่ใช้มมาตรการกดดันที่มีอย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้จีนร่วมกดดันทางเศรษฐกิจเกาหลีเหนือมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเพิ่งบอกว่า เกาหลีเหนือจะยอมเจรจากับสหรัฐฯได้ หากมีเงื่อนไขเหมาะสม
   ก่อนนี้ ผู้นำรัสเซีย และ จีน ซึ่งเป็นมหามิตรของเกาหลีเหนือมาแต่เดิม และเป็นเหมือนที่พึ่งพิงและคบค้ากัยได้เพียงสองประเทศนี้เท่านั้นสำหรับเกาหลีเหนือ
    แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เกาหลีเหนือกับจีนก็มีเรื่องบาดหมางกัน จากการแสดงท่าทีของจีนในเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบขีปนาวุธ และปฎิบัติตามมติของสหประชาชาติ สร้างความไม่พอใจให้ทางเกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ผู้นำสูงสุดออกโรงเตือนไปทางจีนถึงผลลัพท์ที่อันตรายร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าจีนยังยั่วโมโหให้เกาหลีเหนือจนหมดความอดทน
    แต่เมื่อสองวันมานี้ เกาหลีหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธตัวใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ ผู้นำสูงสุด คิม จอง อึล ได้ร่วมชมการทดสอบด้วยตัวเองและการทดสอบครั้งนี้ประสบความสำเร็จ 
ยิงไปได้ไกลราว700กิโลเมตร และตกลงทางเหนือของทะเลญีป่น และไม่ห่างจากชายฝั่งของรัสเซียเท่าไดนัก
  ล่าสุด ผู้นำรัสเซีย วิลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นมหามิตรกับเกาหลีเหนือในเวลานี้ ก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากและแสดงความวิตกกังวล ในความตรึงเครียดกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ด้วย...
    สถานการ์ในคาบสมุทรเกาหลี เริ่มเข้าสู่ความตรึงเครียดอีกครั้ง
เกาหลีเหนือก็ยังคงยืนยันว่าจะทำการทดสอบขีปนาวุธของตัวเองต่อไป...  วันนี้ผมรวบรวมเอาประเทศที่เคยได้ทดสอบขีปนาวุธร้ายแรง ในพิสัยต่างๆ ในช่วงเวลาที่พึ่งผ่านมานี้มานำเสนอ เป็นสถาการณ์ในกลุ่มประเทศที่มีหัวบระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างโลกได้เลยทีเดียว













วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[Special] วิธีป้องกันมัลแวร์ WannaCrypt โดยไม่ต้องอัพเดตเครื่อง ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

ขณะนี้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry / WannaCrypt กำลังระบาดหนักทั่วโลก มีคอมพิวเตอร์โดนโจมตีไปแล้วกว่า 200,000 เครื่องใน 99 ประเทศภายในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ในบทความนี้เรามาดูวิธีป้องกันตัวเองจากมัลแวร์ดังกล่าวด้วยวิธีการปิดโปรโตคอล Server Message Block (SMB) ที่เป็นโปรโตคอลสำหรับการรับส่งไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
02
ปัจจุบันโปรโตคอล SMB มี 3 เวอร์ชันด้วยกัน คือ SMBv1, SMBv2 และ SMBv3 โดย SMBv1 เป็นรุ่นเก่ามาก ออกมาเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่ง WannaCry ก็ใช้ช่องโหว่ของ SMBv1 นี่แหละ เป็นช่องทางแพร่ตัวเองเข้าโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่าย โดยที่เครื่องเป้าหมายไม่ต้องคลิกเปิดไฟล์อะไรด้วยซ้ำ (เปิดคอมต่อเน็ตอยู่ดีๆ ก็ติดเลย) ดังนั้น SMBv1 จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้งานในยุคนี้แล้ว และควรปิดทิ้งไป
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการรับส่งข้อมูลหากัน จึงต้องมีฝั่งนึงเป็น Server และอีกฝั่งเป็น Client โดยสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะถือว่าตัวเองเป็น Client ซึ่งการปิดแบบ Client ก็เพียงพอแล้วต่อการป้องกันตนเองไม่ให้รับมัลแวร์เข้ามา

การปิด SMBv1 ฝั่ง Client

ขั้นตอนการปิด SMBv1 ใน Windows 8.1, Windows 10, Windows Server 2012 R2 และ Windows Server 2016 นั้นง่ายมาก ไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคเลยก็ทำได้ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start
2. พิมพ์ในช่อง Search ว่า “turn windows features” แล้วคลิกที่ “Turn Windows features on or off” ตามภาพ
13. หน้าต่าง Windows Features จะเปิดขึ้นมา ให้เลื่อนลงไปล่างๆ หาข้อความ “SMB 1.0/CIFS File Sharing Support” โดยฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น
2
4. ให้นำติ๊กถูกออกจากช่องสี่เหลี่ยม และกด OK
3
5. สุดท้าย ให้รีสตาร์ทเครื่อง 1 รอบ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้มัลแวร์ WannaCry ก็ไม่สามารถแพร่มาหาเราได้แล้ว
44
ส่วนการปิด SMBv1 ในระบบปฏิบัติการวินโด้รุ่นเก่าอย่าง Windows Vista, Windows Server 2008, Windows 7, Windows Server 2008 R2, Windows 8 และ Windows Server 2012 มีความยุ่งยากอยู่บ้าง เพราะต้องรันคำสั่งผ่าน Command Prompt ดังนี้
1. เข้าไปที่ “C:\Windows\System32” ให้หาโปรแกรม cmd.exe ให้คลิกขวาที่ไฟล์ cmd.exe แล้วเลือก Run as Administrator
หฟ
2. พิมพ์คำสั่งด้านล่าง ทีละบรรทัด (สามารถก๊อปไปวางได้)
sc.exe config lanmanworkstation depend= bowser/mrxsmb20/nsi
sc.exe config mrxsmb10 start= disabled
3. รีสตาร์ทเครื่อง

การปิด SMBv1 ฝั่ง Server

สำหรับฝั่ง Server ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2012 R2 และ Windows Server 2016 ก็ให้เปิด Server Manager และไปที่ Dashboard จากนั้นก็นำติ๊กถูกออกตามภาพ
6
อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานขอแนะนำให้ทุกท่านอัพเดตระบบปฏิบัติการ รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ และระวังการใช้งานให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะการโจมตีไซเบอร์สมัยนี้มันได้พัฒนาขึ้นมามากยังกับในหนังเลยที่เดียว
ที่มา : Blognone Microsoft
By Ballwee


Credit
Source : https://notebookspec.com/special-howto-smbv1/398250/

เมื่อ Apple ไม่ได้เป็นบริษัทที่นำด้านนวัตกรรมอีกต่อไปแล้ว

หากใครเคยอ่านหนังสือเรื่องชีวประวัติของ Steve Jobs จะต้องรู้จัก Walter Isaacson บุคคลที่ใช้เวลาอยู่กับ Steve Jobs อย่างยาวนานเพื่อที่จะเขียนหนังสือออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ Isaacson ยังเป็นคนที่รู้จัก “Apple” เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น หาก Isaacson เริ่มพูดเกี่ยวกับ Apple เมื่อไหร่ผู้คนก็จะตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
ล่าสุด Walter Isaacson ให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ซึ่งส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ Isaacson ได้พูดถึง Apple และคู่แข่ง โดยประเด็นสำคัญคือ Apple ไม่ได้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกแล้ว
Isaacson กล่าวว่า Apple ไม่ได้เป็นบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมอีกต่อไปแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับ Google และ Amazon แต่ Apple โดดเด่นในเรื่องการทำให้สมบูรณ์มากกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้นำนวัตกรรมด้านผู้ช่วยอัจฉริยะหรือ virtual assistant คือ Google และ Amazon ไม่ใช่ Apple
สิ่งหนึ่งที่ Isaacson กล่าวถึงเลยคือ Siri ซึ่ง Apple ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ (ทุกวันนี้มี iPhone แต่ยังไม่เคยได้ใช้) ไม่สามารถสู้ Google Home และ Amazon Echo ได้ ซึ่ง Isaacson มีอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้อยู่ในบ้าน ทั้งนี้ก็มีข่าวว่า Apple จะเปิดตัวอุปกรณ์ที่คล้ายกับ Google Home และ Amzon Echo ภายในงาน WWDC 2017 นี้ด้วย
สุดท้าย Isaacson กล่าวว่า Apple ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมตลอดเวลาเพื่อที่จะเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมเพราะมันไม่ได้อยู่ใน DNA ของ Apple

 CREDIT
     
       สนับสนุนเนื้อหา
                     Source :http://hitech.sanook.com/1423585/

Good afternoon

ถ้าคุณอยากมี"ความสุข" คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้

          สุขได้เลยนะ ไม่ต้องรอใคร

              Good afternoon

        Suban K
03.40 pm. May. 15 / 2017

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

World War 3 2017จะเกิดสงครามโลกครั้งที่3เป็นไปได้หรือไม่่?

จากปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯในช่วงเดือนสองเดือนนี้ ภายใต้การนำของประธานาธิปดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์
เริ่มจากการยิงโทมาฮอว์กกว่า60ลูก ถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย
ต่อมายิงโครตแม่ระเบิด(MAOB)ถล่มฐานที่มั่นตาลีบันในอัฟกานิสถาน ... และในตอนนี้ก็ส่งเรือบันทุกเครื่องบินรบ USSฯ
เข้าประชิดน่านน้ำคาบสมุทรเกาหลีเพื่อต้องการจะจัดการกับเกาหลีเหนือ แต่ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึล ก็ประกาศกร้าว พร้อมจะทำสงครามกับสหรัฐฯ อีกทั้งยังทดลองขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ในวันครบรอบ105ปีของผู้นำสูงสุด(ปู่) และมีการสวนสนาม มีการนำอาวุธยุทโธประรต่างๆออกมาแสดงแสนยานุภาพอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย

คาบสมุทรเกาหลี เริ่มตรึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวานนี้สหรัฐได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ข้ามทวีป แต่ไม่ได้ติดหัวรบ ยิงจากสหรัฐมาตกถึงมหาสมุทรแปซิฟิก เกาหลีเองก็เคยประกาศว่าจะทำลายสหรัฐฯด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลติดหัวระเบิดนิวเคลียร์ ยิงข้ามข้ามทะวีปเช่นกัน...

ในขณะที่ชาติมหาอำนาจ อย่าง รัสเซีย และ จีน ก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อสถานะการณ์นี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะรัสเซียซึ่งได้ประนามสหรัฐฯในปฏิบัติการโจมตีฐานทัพอากาศของรัฐบาลซีเรียก่อนหน้านี้...
จีนเองก็แสดงแสนยานุภาพทางการทหาร นำเรือบันทุกเครื่องบินพร้อมยุธทโธปกร ผ่านน่านน้ำทะเลจีนใต้ข่มขวัญประเทศคู่พิภาทเช่นกัน รวมถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีหลีใต้ ก็มีความเคลื่อนไหวทางการทหารเช่นกัน...

ถ้าหากว่าเกิดสงครามขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะ อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดตอนนี้คือ"ระเบิดนิวเคลียร์"
ทั้งสหรัฐ,เกาหลีเหนือ,รัสเซีย,และจีน ล้วนแล้วแต่มีไนครอบครองทั้งสิ้น...  เรามาทำความรู้จักอาวุธชนิดนี้กันครับ

เมฆรูปเห็ดสูง 18 กิโลเมตร ที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2488 ปลายสงครามโลกครั้งที่สอง
อาวุธนิวเคลียร์ เป็นวัตถุระเบิดซึ่งมีอำนาจทำลายล้างมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาฟิชชัน(atomic bomb)อย่างเดียว หรือ ฟิชชันและฟิวชัน(hydrogen bomb)รวมกัน ปฏิกิริยาทั้งสองปลดปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลจากสสารปริมาณค่อนข้างน้อย การทดสอบระเบิดฟิชชัน ("อะตอม") ลูกแรกปลดปล่อยพลังงานออกมาเทียบเท่ากับทีเอ็นทีประมาณ 20,000 ตัน การทดสอบระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ ("ระเบิดไฮโดรเจน") ลูกแรก ปลดปล่อยพลังงานออกมาเท่ากับทีเอ็นทีประมาณ 10,000,000 ตัน
อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์สมัยใหม่ที่หนักกว่า 1,100 กิโลกรัมเล็กน้อย สามารถก่อให้เกิดแรงระเบิดเทียบเท่ากับการจุดจามทีเอ็นทีมากกว่า 1.2 ล้านตัน ดังนั้น กระทั่งวัตถุนิวเคลียร์ลูกเล็กๆ ที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าระเบิดธรรมดา สามารถทำลายล้างนครทั้งนครได้ ด้วยแรงระเบิด ไฟและกัมมันตรังสี อาวุธนิวเคลียร์ถูกพิจารณาว่าเป็นอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง และการใช้และควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ได้กลายเป็นจุดสนใจสำคัญของนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนับแต่ถือกำเนิดขึ้น
มีอาวุธนิวเคลียร์เพียงสองชิ้นเท่านั้นที่เคยใช้ตลอดห้วงการสงคราม ทั้งสองครั้งโดยสหรัฐอเมริกายามสงครามโลกครั้งที่สองใกล้ยุติ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 วัตถุประเภทจุดระเบิดยูเรเนียม (uranium gun-type) ชื่อรหัสว่า "ลิตเติลบอย" ถูกจุดระเบิดเหนือนครฮิโรชิมาของญี่ปุ่น อีกสามวันให้หลัง วันที่ 9 สิงหาคม วัตถุประเภทจุดระเบิดภายในพลูโตเนียม (plutonium implosion-type) ชื่อรหัสว่า "แฟตแมน" ระเบิดเหนือนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น การทิ้งระเบิดทั้งสองลูกส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไปประมาณ 200,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน จากการบาดเจ็บฉับพลันที่ได้รับจากการระเบิด[1]
นับแต่การทิ้งระเบิดฮิโรชิมาและนางาซากิ อาวุธนิวเคลียร์ถูกจุดระเบิดกว่าสองพันโอกาสเพื่อจุดประสงค์ด้านการทดสอบและสาธิต มีเพียงไม่กี่ชาติที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรือถูกสงสัยว่ากำลังแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศที่ทราบว่าเคยจุดระเบิดอาวุธนิวเคลียร์ และได้รับการรับรองว่าครอบครองอาวุธนิวเคีลยร์ คือ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต (รัสเซียเป็นผู้สืบทอดอำนาจนิวเคลียร์) สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากนี้ อิสราเอลยังถูกเชื่ออย่างกว้างขวางว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้รับการรับรองว่ามี[2][3] รัฐหนึ่ง แอฟริกาใต้ เคยยอมรับว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำขึ้นก่อนหน้านี้ในอดีต แต่นับแต่นั้นได้แยกประกอบคลังแสงของตนและส่งให้กับผู้คุ้มครองนานาชาติ[4]
สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกาประเมินว่ามีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 15,700 หัวทั่วโลกใน พ.ศ. 2558 โดยมีราว 4,120 หัวถูกเก็บไว้ในสถานะ "ปฏิบัติการ" คือ พร้อมใช้งานได้ทันที[2]

อ้างอิงแก้ไข

  1.  "Frequently Asked Questions #1"Radiation Effects Research Foundation. สืบค้นเมื่อ Sept. 18, 2007.
  2. ↑ 2.0 2.1 "Federation of American Scientists: Status of World Nuclear Forces". Fas.org. สืบค้นเมื่อ 2015-09-21.
  3.  "Nuclear Weapons – Israel". Fas.org. Jan 8, 2007. สืบค้นเมื่อ 2010-12-15.
  4.  "Nuclear Weapons – South Africa". Fas.org. May 29, 2000. สืบค้นเมื่อ 2011-04-07.

แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข



ประเทศไหนที่มี อาวุธนิวเคลียร์บ้าง ?

กำลังรบนิวเคลียร์ของโลก
ปัจจุบันโลกมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 31,000 นัด ที่ยังคงบรรจุประจำการอยู่ใน 8 ประเทศ ไม่รวมเกาหลีเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน และอิสราเอล โดยส่วนหนึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในคลังแสง และอีกส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายวางกำลังไว้ ณ ที่ตั้งหน่วยทหารที่เป็นหน่วยยิงประมาณ 13,000 นัด ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่ High Alert ประมาณ 4,600 นัด พร้อมใช้งานในไม่กี่นาทีตลอดเวลา หัวรบนิวเคลียร์เหล่านี้มีอำนาจการทำลายคิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT (Trinitrotoluene : C6H2(NO2)3CH3) ประมาณ 5,000 Megaton คือประมาณ 20,000 เท่าของระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้ที่ฮิโรชิมา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
หมายเหตุ:- อ้างอิงข้อมูลของ Natural Resources Defense Council ของสหรัฐฯ
สหราชอาณาจักรกำลังรบนิวเคลียร์ของสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ มีแต่เพียงอาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำ Trident II D5 จำนวน 16 ลำ รวม 48 ฐานยิง และถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ 185 นัด ๆ ละ 100 Kiloton คิดเป็นน้ำหนักระเบิดรวม 18.5 Megaton
จีน
กำลังรบนิวเคลียร์ของจีน ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) รวมทั้งสิ้น 275 ฐานยิง และคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 225 นัด
จีน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย อาจเว้นก็แต่ทวีปอเมริกาใต้ เท่านั้น ด้วยขีปนาวุธ CSS-4 ระยะยิงสูงสุด 13,000 กิโลเมตร และขีปนาวุธ DF-31 ระยะยิงสูงสุด 8,000 กิโลเมตร
ฝรั่งเศสกำลังรบนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ประกอบด้วย อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 133 ฐานยิง และถือครองหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 449 นัด
สหรัฐฯ
กำลังรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,074 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,170 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 1,560 Megaton
สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลก มีระบบซัดส่ง เช่น ระบบอาวุธปล่อย ขีปนาวุธ อากาศยานทิ้งระเบิดระยะไกล หรือ ระบบทำการยิงจากใต้น้ำ ซึ่งสามารถนำพาหัวรบนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ทุกแห่งหนบนโลก ด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า และไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่หัวรบนิวเคลียร์สหรัฐฯ ไปไม่ถึง
สหรัฐฯ แสดงเจตจำนงมาโดยตลอด ที่จะถือครองอาวุธนิวเคลียร์ไว้ เพื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติในระดับสูงสุด ที่กระทบต่อความอยู่รอดของชาติ (Survival Interest) กับใช้เพื่อการป้องปรามทางยุทธศาสตร์
รัสเซีย
กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,174 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,972 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 2,800 Megaton
รัสเซีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพเป็นรองก็แต่เพียงสหรัฐฯ มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทั่วโลก ด้วยขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) โดยมีจำนวนฐานยิง และจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ มากกว่าสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิบัติการนิวเคลียร์ (Nuclear Operations) ต่อสหรัฐฯ จะใช้เส้นทางผ่านขั้วโลกเหนือเป็นหลัก กับการใช้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เล็ดลอดเข้าไปจ่อยิง เพื่อให้มีเวลาการป้องกันเหลือน้อยที่สุด เป็นที่คาดกันว่าหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จะสามารถฝ่าข่ายการป้องกันของสหรัฐฯ ไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 1/3 ของสหรัฐฯ ถูกทำลายสิ้น ดังนั้น กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จึงถือเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ต่อสหรัฐฯ
อิสราเอล
อิสราเอล มิได้ประกาศตนว่า เป็นชาติที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ หากแต่บางแหล่งข่าวอ้างว่า อิสราเอล อาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอำนาจการทำลายต่ำ (ประมาณ 1 กิโลตัน) อยู่ถึง 200 นัด แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์จะยังไม่เคยตรวจพบการทดลอง หรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอลแต่อย่างไรก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริง อิสราเอล สามารถเข้าถึง รายละเอียดข้อมูลนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ได้
นอกจากนั้น อิสราเอล ยังถือครองขีปนาวุธ JERICHO I ระยะยิง 660 กิโลเมตร และ JERICHO II ระยะยิง 1,500 กิโลเมตรที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ รวมทั้ง จรวด SHAVIT ที่ใช้ในการปล่อยดาวเทียมของอิสราเอล ก็สามารถดัดแปรเพื่อนำส่งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ระยะยิง 7,800 กิโลเมตรได้เช่นกัน ทำให้อิสราเอล กลายเป็นชาติที่มีความพร้อมอย่างยิ่งในการถือครองอาวุธนิวเคลียร์
อินเดีย 
กำลังรบนิวเคลียร์ของอินเดีย ประกอบด้วยขีปนาวุธ ปริวิ (PRITHVI) SS-250 ระยะยิง 200 กม. และขีปนาวุธ อัคนี (AGNI) ระยะยิง 1,500-2,000 กม.ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ และเครื่องบินขับไล่โจมตี SU-30MK ที่ใช้ในการปฏิบัติการนิวเคลียร์ โดยถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 85 นัด ทั้งนี้เชื่อว่าอินเดียอยู่ระหว่างการพัฒนาเรือดำน้ำที่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนิวเคลียร์ได้อีกด้วย
อินเดีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม จีน ปากีสถาน อิหร่าน คาซัคสถาน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางส่วน ตลอดจน ยังมีการประเมินว่าอินเดีย มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ด้วยขีปนาวุธ AGNI ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร
ปากีสถาน
กำลังรบนิวเคลียร์ของปากีสถาน ประกอบไปด้วยขีปนาวุธที่นำเข้าจากจีน ประมาณ 30 นัด รวมทั้งขีปนาวุธ HALF-3 ระยะยิง 600 กม.และขีปนาวุธ GHAURI ระยะยิง 600 กม.ที่พัฒนาผลิตขึ้นใช้เอง จำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 25 นัด
ปากีสถาน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย เยเมน โอมาน คูเวต คาซัคสถาน และภาคตะวันตกของจีน ตลอดจน มีการประเมินว่าปากีสถาน มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับอินเดีย ด้วยขีปนาวุธ CHAHEEN II ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร
เกาหลีเหนือ
กำลังรบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จากข้อมูลข่าวสารการข่าวกรอง ยังไม่อาจยืนยันได้แน่นอนว่ามีศักยภาพในการปฏิบัติการนิวเคลียร์จริงหรือไม่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์ ตรวจพบการทดสอบนิวเคลียร์ เมื่อปี พ.ศ.2549 และเกาหลีเหนือ อ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือ มีศักยภาพในระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธหลายแบบ เช่น Taepo Dong II ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 6,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ มีผู้เชื่อว่า หากเกาหลีเหนือถือครองหัวรบนิวเคลียร์ไว้จริง ก็ไม่น่าเกิน 10 นัด และอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT ของแต่ละนัดน่าจะน้อยกว่า 1 กิโลตัน ใกล้เคียงกับหัวรบนิวเคลียร์ที่เคยใช้โจมตีญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เกาหลีเหนือ เป็นประเทศถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ และอาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๐ นัด อำนาจการทำลายนัดละประมาณ ๑ กิโลตัน ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนสามารถโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ได้ทุกเป้าหมาย
อิหร่าน
อิหร่าน เป็นประเทศที่ถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ แม้ยังไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ แต่ความมุ่งมั่นในโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม (Uranium Enrichment) อาจทำให้อิหร่าน สามารถเตรียมสารยูเรเนียมเข้มข้น เพียงพอที่จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธที่อิหร่านถือครอง เช่น Taepo Dong II ระยะยิง 6,000 กิโลเมตร สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา รวมทั้ง ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทุกเป้าหมายในพื้นที่เหล่านั้น
ข้อพิจารณาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
1. จากการที่ประเทศต่าง ๆ อาทิ จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ รวมถึงอิหร่านได้มีการพัฒนาขีปนาวุธของตนอย่างต่อเนื่อง นับเป็นภัยอันตรายต่อสันติสุขของโลกอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธแห่งชาติต่อไป โดยโครงการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธที่ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก แต่หากสหรัฐฯ ชะลอการพัฒนาระบบดังกล่าว ก็อาจเป็นเงื่อนไขให้ประเทศที่มีขีปนาวุธข้ามทวีปอยู่แล้ว หรือกำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน สามารถดำเนินการปรับปรุงขีปนาวุธของตน ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจนสามารถเอาชนะข่ายการป้องกันขีปนาวุธแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้
2. การแข่งขันการพัฒนาอาวุธฯ ของแต่ละฝ่าย ย่อมจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ทั้งอาจเป็นแรงผลักดันให้เกิดการรวมขั้วของจีน รัสเซียและเกาหลีเหนืออย่างแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น สำหรับผลกระทบต่อไทยยังอยู่นอกเหนือวิสัยที่ไทยจะดำเนินการใด ๆ แม้ไทยจะมีความเป็นกลาง และมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย แต่การอยู่ในรัศมีทำการของขีปนาวุธข้ามทวีปทั้งจากเกาหลีเหนือ และจีน ย่อมส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยา และความไม่ปลอดภัยต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไทยสามารถกระทำได้ คือ การแสดงออก และเรียกร้องให้เกิดการสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาขัดแย้งขยายตัวเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
Credit :  กรมข่าวทหารอากาศ

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

ถังน้ำสองใบ

มาฟังเรื่องดีดีกันครับ(อยากให้อ่าน)

... ชายคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบ
ไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ
และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
...
...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน
จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลือ
อยู่เพียงครึ่งเดียว

...เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2
ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้าน
ได้เพียงหนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิ
จะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง

...ในขณะเดียว
กันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อ
ความบกพร่องของตัวเอง

...มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มัน
สามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์
ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

...หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่า
เป็นความล้มเหลวอันขมขื่น

...วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มัน
ได้พูดกับคนตักน้ำว่า

..."ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็น
เพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้าง
ในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน" คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือ
ไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง
เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึง
ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า
และทุกวันที่เราเดินกลับ

... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้ กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้า
สามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่า
นั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่
เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว

... เราก็คงไม่อาจได้รับ
ความสวยงามแบบนี้ได้"

...คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่
เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

...แต่รอยตำหนิ
และข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำ
ให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลาย
เป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้

...สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขา
เป็น ละมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่า
นั้นเอง "มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่า
นั้น แต่ยังมีข้อดีอยู่คู่กันไปด้วยเสมอ"

( ความรู้สึกในใจ || คำคมให้คิด ชีวิตจะได้เป็นสุข )


วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

รัฐบาลเปิดลงทะเบียนคนรายได้น้อยรอบ 2 พรุ่งนี้ พร้อมเงินโอนเข้าบัญชี แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ใกล้ๆ บ้าน

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบที่ 2 เป็นวันแรก โดยจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค.60 เพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบันและจัดสวัสดิการช่วยเหลือได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

"เมื่อปีที่แล้วมีประชาชนไปลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,375,383 ราย แต่เป็นผู้มีสิทธิ์ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1,500 บาท และ 3,000 บาท จำนวน 7,715,359 ราย โดยในจำนวนนี้ได้รับเงินโอนไปแล้ว 7,525,363 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 97.5 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือไม่ได้รับเงินโอนเนื่องจากไม่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ไม่ไปติดต่อกับธนาคาร หรือบัญชีติดอายัด"
ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมากเพราะถือเป็นช่องทางให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยตรงโดยฝากเชิญชวนให้ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ประกาศไว้ไปลงทะเบียนได้ที่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขา สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานเขตใน ก.ท.ม. เพื่อรับบัตรประจำตัวผู้มีรายได้น้อยการช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ ค่าโดยสารรถสาธารณะ การประกันภัยผู้มีรายได้น้อย หรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น
"ผู้ที่มีสิทธิ์ทุกคนจะต้องไปลงทะเบียนใหม่ทั้งหมดทุกราย ทั้งรายเดิมที่เคยลงทะเบียนแล้วและรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน โดยต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปี 59 ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน หรือไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย หรือหากมีบ้านพักอาศัยต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตร.ว. ห้องชุดไม่เกิน 35 ตร.ม. หรือมีที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ หรือที่ดินอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่"

หลังจากลงทะเบียนแล้วสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 ที่ www.epayment.go.th หรือที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้าน หากไม่มีชื่อให้ไปติดต่อกับหน่วยงานที่ลงทะเบียนไว้ และรอรับบัตรสวัสดิการที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการให้ต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจากสำนักข่าวทีนิวส์

Most watched