วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เกี่ยวกับเรื่อง "งานศพ"... งานที่ไม่มีใครอยากจัด!!


  เมื่อเช้านี้น้าที่ทำงานได้บอกว่า..." โทน เดี๋ยว น้าต้องลางานหลายวันเลยนะ... พี่ชายแฟนน้าตาย เมื่อคืนนี้เอง..." 

  ...   เดี๋ยววันนี้ต้องไปติดต่อรับศพที่โรงบาลมาทำพิธี ต้องวิ่งเรื่องเอกสารอะไรอีกมากมาย คนตายสมัยนี้มันยุ่งยากนะ...

       เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยครับ...  

"งานศพ" งานที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก

แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องทำใจยอมรับ... เพราะสิ่งมีชีวิตในโลกของเรานี้ ไม่มีใครสามารถหนีจากเงื้อมมือของพญามัจจุราชได้เลย...

     แม้แต่มหาราชา ,มหาเศรษฐี ,ผู้มีอำนาจ มากบารมี , 
พ่อค้า ,ชาวนา ,ตาสี ตาสา ไปจนถึงชีวิตของยาจก คนต่ำต้อย...
ทุกๆคนที่เกิดมาแล้วจะไม่ตายนั้น ไม่มี
     ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น... จะช้าจะเร็วก็ต้องตายในที่สุด 

      พูดถึงงานศพแล้ว...  โดยเฉพาะพวกเราชาวพุทธด้วยแล้ว พิธีการ และการจัดการต่างๆนั้น ค่อนข้างยุ่งยาก มากเรื่อง ไม่น้อยทีเดียว...  แต่ก็เป็นการส่งวิญญาณให้ผู้ล่วงลับได้ไปสู่สุขคติภพต่อไป เป็นการทำให้กันเป็นครั้งสุดท้าย...  ก่อนที่จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกชั่วนิรันดร์

       "งานศพ" กับ "งานแต่งงาน" เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่ดำเนินการคือเป็นงานที่เหนื่อยมากๆมีความยุ่งยากอยู่เหมือนกันๆ

           แต่ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"งานแต่งงาน" เหนื่อยก็จริง แต่เสร็จพิธีการแล้วมันมีความสุข
แต่"งานศพ"มันตรงกันข้าม ผลของความสูญเสียคือความทุกข์ ความโศรกเศร้า... แม้จะเสร็จพิธีการแล้ว หายจากความเหนื่อยแล้วก็ตาม ก็ยังคงความรู้สึกอยู่ในจิตใจ ยากที่ทำใจ หรือเยียวยาจิตใจได้ในวันสองวัน...

    อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น...  คนตายเดี๋ยวนี้มันยุ่งยากอย่างที่น้าเขาบอกนั่นแหละ
    
    ด้วยความที่ผมเองเคยอยู่ในการจัดการเรื่องของงานศพมาครั้งหนึ่งแล้ว คืองานศพของคุณโอ๋ ภรรยาของผมเอง อุบัติเหตุได้พรากเธอไปเมื่อราวๆแปดปีก่อน...

   อยากจะบอกเล่าเก้าสิบ เกี่ยวกับเรื่องของงานศพ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่ยังไม่เคยต้องจัดการงานศพใดๆมาก่อน...

    มีสองสามอย่างที่อยากจะบอกไว้... 
แต่สำคัญที่สุดอันดับแรกคือ "ตั้งสติ" ให้ได้ก่อน... โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องสญเสียคนอันเป็นที่รักอย่างกระทันหัน อาจจะทำให้ถึงกับซ็อคได้ แต่อย่าลืมว่ามีอะไรๆ อีกหลายอย่างที่ต้องทำ ต้องตัดสินใจ

   ซึ่งผมเองอยากจะฝากเอาไว้ว่า"ตั้งสติ"ให้ได้ก่อน อันนี้สำคัญที่สุด
ไม่เช่นนั้นแล้ว... ลำพังความสูญเสียคนอันเป็นที่รักอย่างกระทันหันมันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว คุณยังจะต้องเสียหัวกับบางเรื่องที่มันจะเข้ามาหาคุณ...   คุณจะเจอกับคนกลุ่มหนึ่งเขาที่ดำรงซีพ หรือประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานศพเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ต่างๆกับคุณ...  บางคนก็มาดี แต่บางคนเข้ามาเพื่อมาเอาประโยชน์จากคุณล้วนๆ...  คงจะเคยได้ยินมาบ้างนะครับ พวกที่ "หากินกับศพ" หรือพวกที่ประกอบอาชีพนักธุระกิจความตายต่างๆ 

     เริ่มต้นเลย จะขอเริ่มที่เรื่องทั่วๆไปก่อนนะครับ 
เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องนะครับ...
1.ใบรับรองการตาย
2.ป.จ.ว.
3.มรณะบัตร
4.ใบรับรองการเป็นผู้จัดการงานศพ 
   (เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้ลงนาม)

   เริ่มต้นเมื่อเราติดต่อขอรับศพเพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ศพจะอยู่ที่โรงพยาบาล (รพ.รัฐ ที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการนั้น ไม่ว่าจะเสียชีวิตด้วยเหตุใด ที่ไหน ก็ตาม) ผู้ออกใบรับรองการตายคือแพทย์ผู้ชันณสูจน์พลิกศพ ได้ใบนี้แล้วจึงจะสามารถนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดต่อไปได้..
   เมื่อมีคนตายเกิดขึ้น แน่นอนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ บ้านเมือง 
เอาใบรับรองการตายไปลงบันทึกประจำวัน(ป.จ.ว.)ที่สถานีตำรวจท้องที่ แล้วเอา ใบรับรองการตายกับ ป.จ.ว. ไปขอใบมรณะบัตรกับทะเบียนราษฎร์ที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ
    เมื่อดำเนินการตามพิธีการทางศาสนาเสร็จแล้ว มีเอกสารสำคัญอีกใบหนึ่งคือ ใบรับรองการเป็นผู้จัดการงานศพ ซึ่งในพิธีการของพุทธเราหมายถึงเจ้าอาวาสวัดนั้นๆลงนาม พร้อมประทับตราฯ ส่วนศาสนิกชนของศาสนาอื่นๆเช่น คริสต์ หรือ อิสลาม คงจะหมายถึงบาทหลวงหรืออีหม่ามผู้ทำพิธี มีอำนาจลงนามรับรอง... ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ประกอบ เมื่อต้องติดต่อในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น สนง.ประกันสังคม, ประกันชีวิต ,เป็นต้น

       เมื่อนำศพไปประกอบพิธีที่วัดหรือฌาปณะสถาน 
สิ่งที่ต้องตัดสินใจเมื่อมีผู้ที่จะมาติดต่อคุณ ให้คุณตัดสินใจต่างๆ
ขอให้คุณปรึกษากับทางวัดนั้นๆ หรือญาตุพี่น้องให้ดีก่อน เพราะบางทีเมื่อจบพิธีการแล้ว จะต้องเคลียร์บิล / ใบเสร็จต่างๆ ที่คุณเองอาจจะคาดไม่ถึงได้.. ทั้งๆที่บางอย่างทางวัดเองก็มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดหา มาเพิ่มแต่อย่างใด
   เช่น เต้นต์ผ้าใบ , เครื่องขยายเสียง , อุปกรณ์ต่างๆ ดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง ฯลฯ

หรือแม้แต่การว่าจ้างแม่ครัวทำอาหารรับรองแขก ซึ่งเขาจะเสนอตัวเข้ามาทันทีที่ศพถึงศาลา ก็ขอให้ทำความเข้าใจและตกกันให้เข้าใจในรายละเอียดต่างๆให้ดี อทิ เหมาเป็นวัน เป็นคน กี่คน กี่วัน มีค่าอะไรบ้าง ฯลฯ เพราะไม่เช่นนั้นจะพาเราหัวเสียเอาได้เมื่องานจบลง
   ซึ่งจริงๆแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องจ้างก็ได้ เพราะบางทีก็มีญาติพี่น้อง พี่ ป้า น้อ อา อาสามาทำหน้าที่ช่วยเหลือเราอยู่แล้วด้วยซ้ำไป...

   
อยากจะฝากเอาไว้แค่นี้นะครับ และขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยกับทุกๆการสูญเสียด้วยครับ


   RIP
- โทน -







ไม่มีความคิดเห็น:

Most watched