วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดดีๆ เมื่อมองต่างมุม

ข้อคิดดีๆ เมื่อมองต่างมุม

หากท่านไม่อาจหลับไหลในยามราตรีนี้....
ใคร่ครวญให้ดี ยังมีผู้ไร้แม้ที่ซุกหัวนอน ไม่ต้องรันทด

หากท่านอยู่ในรถที่ติดไปไหนไม่ได้.....
เพราะมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยมีแม้โอกาสได้นั่งรถ

หากวันนี้มีงานที่กวนใจท่านมาก....
คิดเสียว่า ยังไม่ลำบากเท่าคนที่ตกงานนานกว่าสามเดือนแล้ว

ยามเมื่อความสัมพันธ์สะบั้นลง....
อย่าเพิ่งปลง เพราะยังดีกว่าผู้ที่ไม่เคยรู้จักรัก

อย่าอาวรณ์ตอนสุดสัปดาห์จะผ่านพ้น....
จงคิดถึงคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีวันหยุดพัก เพียงเพื่อจักยังชีพ

แม้ต้องเดินเสียไกลลิบ เพื่อขอความช่วยเหลือยามรถเสีย.....
ให้นึกถึง ผู้ที่เป็นอัมพาตอยากอาสาเดินแทน

หากส่องกระจกพบผมหงอกเพิ่มมาอีกเส้น.....
จงอย่าลืมผู้ป่วยเคมีบำบัด ที่หวังเพียงว่า ผมจะงอกได้อีก

ยามโชคร้ายแทบหมดอาลัยตายอยาก.....
จงดีใจเถิดเพราะยังมีโอกาสดีกว่า ผู้ที่ตายไปก่อนเวลาอันสมควร

หากต้องทนให้ผู้อื่นระบายทุกข์ใส่.....
ขอให้ระลึกว่าจะแย่กว่าเป็นไหนไหน ถ้าต้องเป็นทุกข์นั้นเสียเอง

อยากให้ลองคิด มองต่างมุมในด้านบวกอาจเป็นเครื่องช่วยเตือนว่า >>>>

ชีวิตนี้ยังมีสิ่งสวยงาม และมีเรื่องน่าพิศมัยอีกมากมาย


Cr : หนึ่งเดียว หลุดพ้น


วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 ประโยชน์ของการตื่นเช้า



10 ประโยชน์ของการตื่นเช้า

          การตื่นเช้ามีประโยชน์กับเราหลายอย่างมาก ทั้งสุขภาพกายและใจ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
          1. ต้อนรับวันใหม่-ด้วยอากาศสดชื่น แถมอากาศในตอนเช้ายังมีวิตามินที่ดีกับร่างกายอีกด้วย
          2. ไม่ต้องรีบร้อนแข่งขันกับเวลา-คนตื่นเช้า ไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องกลัวไปไม่ทัน ได้อาบน้ำสบายๆ ไม่ต้องรีบ
          3. ได้พบกับความสงบ-ตอนเช้าสงบเงียบ ไร้เสียงใดๆ ถ้าใครคิดงานไม่ออก ลองตื่นเช้ามานั่งทำงานที่ค้างไว้ รับรองคิดออกแน่ๆ แต่คุณต้องนอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืน
          4. มีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย-ตื่นเช้ามาออกกำลังกายสักนิด เพื่อสุขภาพที่ดี5.ได้ทานอาหารเช้า-อาหารมื้อสำคัญที่ชอบมองข้าม อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุด กินได้เยอะที่สุด เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เราต้องเติมพลังงานให้เต็มที่ก่อนเริ่มวันใหม่
          6. มีเวลาเพิ่มมากขึ้น-แล้วคุณจะรู้ว่า วันๆ หนึ่งของคุณ มีเวลาเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
          7. ได้พบแสงแดดยามเช้า-นี่เป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับทุกคนในตอนเช้า แต่กลับไม่มีใครคิดอยากจะได้ของฟรีแบบนี้ การมองดูแสงแดดที่ค่อยๆ ส่องแสงเรืองรองบนท้องฟ้าระหว่างที่วิ่งออกกำลังกายไปด้วยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว
          8. มีเวลาให้กับเป้าหมายในชีวิต-เชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตกันทั้งนั้น และก็ไม่มีเวลาไหนหรอกที่เหมาะกับการใช้เวลาทบทวนเป้าหมายและวางแผนไปกว่าเวลาในตอนเช้า
          9. การทำกิจวัตรอย่างสบายๆ-ไม่ต้องรีบซิ่งไปตอกบัตรที่ทำงาน ไม่จำเป็นต้องตาลีตาเหลือก สามารถไปถึงที่ทำงานก่อนคนอื่นๆ และเริ่มทำงานก่อนชาวบ้าน (ซึ่งส่งผลทำให้คุณทำงานเสร็จก่อนชาวบ้าน) ผลลัพธ์จากการตื่นเช้ามันต่างกันลิบลับเลยทีเดียว
          10. ขับถ่ายของเสีย-ในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่อวัยวะเริ่มทำงาน ทั้งลำไส้เล็กและสำไส้ใหญ่ ที่เริ่มขับของเสียออกจากร่างกาย เมื่อร่างกายขับของเสียต่างๆ ออกได้หมด ผิวพรรณก็จะสดใส จิตใจเบิกบาน พร้อมที่จะลุยงานให้สำเร็จ

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ้น "พระมหาผ่อง" สังฆราชลาว


เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พระชัยเดช เอกัคคจิตโต พระเลขานุการพระอาจารย์ใหญ่ พระมหาผ่อง ปิยธีโร (สะมะเลิก) ประธานศูนย์กลางการพระพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (พระสังฆราชลาวรูปที่ 4) เจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.11 น.วันเดียวกัน พระอาจารย์ใหญ่พระมหาผ่อง ละสังขารลงอย่างสงบ หลังอาพาธและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สิริอายุ 100 ปี 6 เดือน พรรษา 81  พระมหาผ่อง เป็นคนไทยโดยกำเนิด เกิดที่บ้านกุงน้อย ต.กุศกร อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ.2459 ติดตามบิดามารดาไปอยู่บ้านโพนทอง เมืองโพนทอง แชวงจำปาสัก สปป.ลาว ตั้งแต่เด็ก และได้รับการเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าฟ้าเพชรราช (วีรบุรุษชาวลาวที่ปลดแอกจากการปกครองฝรั่งเศส) และเป็นบุตรบุญธรรมของโฮจิมินห์ ประธานพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอีกด้วย พระอาจารย์ใหญ่ พระมหาผ่อง อุปสมบท อายุครบ 20 ปี ที่วัดโพธิ์สระปทุม ซึ่งเป็นบ้านเกิด จากนั้นเดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม ที่วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ จนได้เปรียญธรรม 6 ประโยค จากนั้น ได้นำความรู้มาสอนมัธยมสงฆ์หลายแห่งในประเทศลาว พระมหาผ่องเดินทางมาประเทศไทยเป็นนิจ เพื่อกิจการคณะสงฆ์สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะสงฆ์ไทยกับคณะสงฆ์ลาว มีความสัมพันธ์ทางด้านการปกครองการ ศึกษาการเผยแผ่ด้วยดีเสมอมา ส่งพระภิกษุสามเณรเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ไทย ทั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก จบการศึกษาแล้วกลับไปพัฒนาบุคลากรชาวลาวต่อไป พระมหาผ่อง ปฏิบัติศาสนกิจสุดท้าย เป็นองค์แสดงสัมโมทนียกถาเปิดงานเสวนา �พุทธพลิกสุวรรณภูมิ : สามัคคีธรรม แผ่นดินธรรม แผ่นดินทองŽ จัดโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย และมูลนิธิวีระภุชงค์ ที่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 9-13 ก.ย.2558 มีคณะสงฆ์อาเซียน 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และลาว เข้าร่วม ทั้งนี้ พระมหาผ่อง สะมะเลิก พระสังฆมหานายกประเทศลาว ยังเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ ด้วย

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

20 ข้อปฎิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นย่างเบิกบาน

20 ข้อ ปฎิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่น อย่างเบิกบาน.....

1. เห็นข้อดีของเขาตามความเป็นจริง
แล้ว......กล่าว ชื่นชมตามโอกาส

2. เห็นข้อเสียของเขาตามความเป็นจริง
แล้ว.....เฝ้าระวังอย่าประมาท

3. อย่าพูดถึงเขาในทางที่เสื่อมเสีย
........เมื่อเขาไม่อยู่

4. อย่าสอนในสิ่งไม่รู้ แนะนำเมื่อเขาต้องการ
ไม่ใช่....เมื่อเราอยากพูด!

5. อย่าก้าวล้ำเรื่องส่วนตัว ช่วยเหลือตามกาลสมควร ก่อนรับปาก
จงคิด...... ก่อนปฏิเสธ จงคิด..... รู้จัก พึ่งพาตนเอง อย่าหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่น

6. อย่าชมมากเกิน อย่าติติงมากเกิน
พูดจาไม่ดี นิ่งไว้ดีกว่า

7. ทำใจเป็นกลาง อย่าลำพองเมื่อถูกชม อย่าตรมเมื่อถูกด่า

8. รับฟังอย่างเปิดใจ รู้จักสำรวมท่าทีแสดงออก

9. เคารพในอาวุโส เคารพในคุณวุฒิ เคารพในความดี
เคารพในสิ่งที่เขานับถือ เคารพในผู้มีพระคุณของเขา

10. เป็นตัวของตัวเอง ไม่คล้อยตามจนไร้จุดยืน
ไม่พิพากษาตัดสิน ไม่หมิ่นความคิดเห็น

11. เมื่อผิดจงขอโทษ เมื่อโกรธจงนิ่ง
มีควรยิ้มจงยิ้ม เมื่อควรให้จงให้ เมื่อควรถอยจงห่าง

12. ทำดีกับเขา แต่อย่าหวังผลตอบแทน อย่าทวงบุญคุณ
อย่าอ้างความเป็นญาติมิตร อย่าอ้างชาติ ศาสนา และ อย่าอ้างพระผู้เป็นเจ้า

13. เอาใจเขามาใส่ใจเรา เมตตา อภัย
........ทุกคนมีความผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว

14. ไม่ไว้ใจเกินไป ไม่กังวลเกินเหตุ
ไม่ยกโทษเกินสามครั้ง ไม่แทงข้างหลัง ไม่อยู่ใกล้คนเลว

15. ประโยชน์เขา คือประโยชน์เรา ต้องรู้รักษาสมดุล

16. ให้ก่อนแล้วจึงรับ อย่าเป็นผู้รับแต่ฝ่ายเดียว

17. เรียนรู้จากเขา แต่อย่าเอาอย่างเขา
ไม้ใหญ่ไม่อยู่ใต้ร่มเงาใคร ทุกคนยิ่งใหญ่ได้ในแบบของตนเอง

18. เมื่อไปเยี่ยมจงมีของฝาก เมื่อกล่าวคำลาจงอย่าเบียดเบียน

19. ลับคม "ปัญญา" ให้ทัดเทียม
เพื่อความรื่นรมณ์ในการสนทนา

20. ทุกคนคือเพื่อนร่วมวัฏฏะ
ทำดีต่อเขาด้วย จิตว่าง ถือเป็นการฝึกฝนใจตนเอง

Cr.
~พศิน อินทรวงค์~



วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

9 กำลังใจ

9 กำลังใจ

1. อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่
และอย่าแคร์ สายตาใคร
ตราบใดที่เรา ยังหายใจ
ด้วยจมูกของเราเอง

2. คนอื่น ไม่ให้โอกาสเรา
ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเรา
ไม่ให้โอกาสตัวเอง

3. กระจก ไม่เคยดูถูกใคร
มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง

4. คนฉลาด ไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง
แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่าง
จากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น

5. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ
คนที่ได้ทำ ในสิ่งที่อยากทำ
ไม่ใช่เพราะได้ทำ
ในสิ่งที่ คนอื่นอยากให้ทำ

6. อย่าเป็นคนเก่ง ที่แล้งน้ำใจ
แต่จงเป็น คนธรรมดาทั่วไป
ที่มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว

7. มองปัญหา ให้เหมือนกับ เม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทราย ก็เล็กนิดเดียว

8.  ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก
เพราะขนาดดินสอ ยังต้องมียางลบ

9. ใครจะดูถูกเรา ก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป
แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง

Cr. Forwarded Line

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

28 ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต



1. อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหหลืออยู่แค่นั้นก็ได้

2. เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จงเป็นผู้ฟังที่ดี อย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ

3. จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น

4. อยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ตามทางบ้าง เพราะมีอะไรดี ๆ บางอย่างซ่อนอยู่

5. จะคิดทำการใด จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย

6. หัดทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น จนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาได้รับรู้

7. จงจำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

8. เวลาเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็จงปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ

9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง

10. จงให้โอกาสผู้อื่น เป็นครั้งที่สอง แต่อย่าให้ถึงสาม

11. อย่าไปวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า

12. ทำตัวให้สบาย ๆ อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อะไร ๆ ก้ไม่สำคัญอย่างที่เราคิดไว้แต่แรกหรอก

13. ใช้เวลาให้น้อย ๆ ในการคิดว่า ใครผิด แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า อะไร เป็นสิ่งที่ผิด

14. จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย แต่กำลังสู้กับ ความโหดร้าย ในตัวคน

15. โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรา มีภาระในการเก็บรักษาความลับ

16. ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อย ๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่

17. เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก

18. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานะการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

19. มีมารยาทและอดทนกับคนสูงวัยกว่าเสมอ

20. อย่าให้ปัญหาของเราต้องทำให้คนอื่นเบื่อหน่าย ถ้ามีใครถามว่า เป็นไง ตอบไปเลยว่า สบายมาก

21. อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ช.ม เท่ากัน

22. จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว

23. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น

24. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น

25. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหน ในสายตาคนรอบข้าง

26. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ กว้างขวาง มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ยืนยาว

27. บางครั้ง ! อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

28. ว่ากันว่า มี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญา และจิตใจของใคร ๆ ก็ตาม

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

4 อย่า... (แล้วชีวิตจะมีสุข)

○○ 4อย่า…(แล้วชีวิตจะมีสุข) ○○

 1. อย่าเป็นนักจับผิด
      คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ‘กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก’ คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง จงมองคน-มองโลกในแง่ดี (( แม้ในสิ่ง ที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข ))

 2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
      ’แข่งกันดี ไม่ดีสักคน – ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน’ คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว คือ ‘เจ้ากรรมนายเวร’ ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น…เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจ

      ***เรา ริษยา 1 คน เรา ก็ มี ทุกข์ 1 ก้อน ( หนักเปล่าๆ )*** จงถอดถอนความริษยาออกจากใจโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’ แล้วปล่อยวางไป

      3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
      90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’ มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก… เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขา พร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลัง (หนักป่ะล่ะ??) ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงตัด และปล่อยมันซะ

      ’อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’
‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น อย่าไปยึดติดกับอดีต แล้วชีวิตจะเป็นสุข’
—จงให้กายอยู่กับจิต และ ใช้จิตอยู่กับกาย—-

      4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
      ’ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติม-ยิ่งไม่เต็ม’ ทุกอย่างต้องดู คุณค่าแท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าแท้ของนาฬิกา คือไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คือไว้สื่อสาร ไม่ใช่มีไว้เพื่อความโก้หรู ลองถามตัวเราเองซิว่า ‘เกิดมาทำไม’

      ’คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ‘ตามหา – แก่น ‘ ของชีวิตให้เจอ พยายามวางกิเลส ทั้ง โลภ โกรธ หลง ให้ได้มากที่สุด แล้วชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอน…

Cr: Forward LINE



Most watched