วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Google Maps ช่วยได้ เช็คเวลาระบบขนส่งมวลชนแบบเรียลไทม์


News by CK7 - Jun 3, 2015

ในสภาพการใช้ชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา การวางแผนการเดินทางเพื่อให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างตรงเวลาถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถตรวจสอบระยะเวลาได้ว่าระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการโดยสารจะมาถึงจุดที่เราอยู่ในอีกกี่นาที
    Google Maps ระบบแผนที่นำทางที่ก้าวหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจระยะเวลาได้ว่าระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ต้องการโดยสารจะมาถึงจุดหรือสถานีที่เราอยู่ภายในกี่นาทีได้แบบเรียลไทม์
     ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ Googleได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 100 ราย และมีการทดลองใช้งานใน 6 สถานที่ในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, บูดาเปสต์, ชิคาโก, ซาน ฟรานซิสโก และซีแอตเทิลทั้งนี้ประโยชน์ในฟีเจอร์ใหม่ของ Google Maps จะช่วยให้ผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนสามารถรับทราบระยะเวลาที่แน่นอน และสามารถวางแผนการเดินทาง เพื่อไปถึงจุดหมายได้อย่างตรงเวลา ซึ่งก็หวังว่าฟีเจอร์นี้จะใช้ได้ในประเทศไทยในเร็วๆ นี้

ที่มา : Androidauthority

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โสมขาวคอนเฟิร์ม ไวรัส 'MERS' คร่าแล้ว 2 ศพ ติดเชื้ออีก 25 คน



โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

ทางการเกาหลีใต้ยืนยัน พบผู้เสียชีวิตจากไวรัส เมอร์ส ในประเทศแล้ว 2 ราย เพียง 2 สัปดาห์หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ...สำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของประเทศยืนยันเมื่อวันอังคารว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส (MERS) แล้ว 2 ราย โดยนี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ในเกาหลีใต้ นับตั้งแต่มันถูกพบครั้งแรกในตะวันออกกลางเมื่อปี 2012ผู้เสียชีวิตรายแรกคือ หญิงวัย 58 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาเพราะต้องสงสัยว่าติดเชื้อเมอร์ส เสียชีวิตจากภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อวันจันทร์ ก่อนผลตรวจจะยืนยังว่าหญิงรายนี้ติดเชื้อเมอร์ส ส่วนอีกรายเป็นชายชราวัย 71 ปี ซึ่งได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เมื่อหลายวันก่อนยอนฮัปเผยด้วยว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศแล้ว 25 ราย หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อ 20 พ.ค. โดยเป็นชายอายุ 68 ปี ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย และกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยว่าสัมผัสเชื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม 682 คนถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการทั้งนี้ ไวรัสเมอร์ส อยู่ในกลุ่ม 'โคโรนาไวรัส' เป็นญาติกับไวรัสก่อโรคหวัดธรรมดา รวมถึงไวรัส 'ซาร์ส' ซึ่งเคยระบาดในปี 2003 ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 800 คนทั่วโลก โดยเมอร์สสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการหลากหลาย รวมถึงมีไข้, มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ, ปอดบวม และไตวาย

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันวิสาขบูชา "วันพระพุทธเจ้า"

วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลโลก Vesak Day 
 วันวิสาขบูชา Vesak Day วันสำคัญสากลของโลก

วันวิสาขบูชา 2558 Visakha Puja(Vesak Day)

 
      วันวิสาขบูชา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือราวเดือนพฤษภาคม แต่หากตรงกับปีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน วันวิสาขบูชาจะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน

         วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า “วิสาขปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (คือเดือน 6) ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ ในวันวิสาขบูชา ดังนี้
 
1. เป็นวันประสูติ นับเป็นวันที่รูปกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นบนผืนโลก  ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน 6 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ 5 วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
 
2. เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ร่มต้นอัสสัตถพฤกษ์ หรือต้นพระศรีมหาโพธิ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระมหาบุรุษได้ทรงบรรลุสัพพัญญุตญาณ
 
3. เป็นวันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ณ ป่าสาลวัน เมืองกุสินารา
 
    “เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวงรู้ธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฏฐิ ไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวงละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้วเพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึงอ้างใครเล่าอาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเราก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียวเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลสได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลองประกาศอมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ” 
 
    การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ เปรียบเสมือนดวงสุริยาที่ทอแสงให้ความสว่างในชีวิตแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงโดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง พระพุทธองค์เสด็จมาเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
 

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นทำในสิ่งที่อยากจะทำ



ไม่มีคำว่าสายเกินไป...
สำหรับการเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น
ใช้ชีวิตไปในเส้นทางที่คุณภูมิใจกับมันเถอะ

หากชีวิตไม่เป็นในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว 
จงกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง !!

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประมวลภาพกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาโครงการพัฒนาศักยภาพเพื่อการอนุรักษ์ @Palm Garden Hotel Pattaya

โรงแรมปาล์มการ์เด้น พัทยา ต้อนรับคณะเยาวชนตัวแทนนักเรียน-นักศึกษา โครงการพัฒนาศักยภาพเยวชนเพื่อการอนุรักษ์
(สำรวจสิ่งแวดล้อมโดยใช้ไลเคน"นักสืบสายลม") โดยกลุ่มอนุรักษ์อ่าวนาเกลือ
 (Conservation group of Ao Naklua)
   ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2558
 เวลา10.00 น. เป็นต้นไป










วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จบสูงเกรดสวยไม่ช่วยอะไรเมื่อ Google ประกาศไม่สนเกรดและสถาบัน



By :  Paul Kridakorn
on February 6, 2015
in Entrepreneurship
ถ้าใครติดตาม The CEO Blogger น่าจะเคยได้ยินผมเล่าให้ฟังเป็นระยะๆว่าผมได้ทำงานดูแลแผนกจัดซื้อต่างประเทศและขึ้นตรงกับเจ้าของบริษัทโดยใช้เพียงวุฒิมัธยมเท่านั้น เรื่องนี้ขัดแย้งกับความเชื่อและบรรทัดฐานของสังคมว่าการทำงานดังกล่าวต้องจบปริญญาและยิ่งเป็นงานบริหารต้อง MBA!แต่ในโลกของความเป็นจริงผมเชื่อเสมอว่าการศึกษาเป็นคนละเรื่องกับชีวิตจริง และความสามารถในการทำงาน การคิด วิธีคิดนั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการศึกษาในระบบ งานที่ผมทำไม่มีอะไรที่มีสอนในโรงเรียน และสิ่งที่ผมคิดได้ในงาน โรงเรียนก็ไม่เคยสอน!ในอดีตบริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะบริษัทเก่าแก่ในอเมริกามีความยึดติดกับสถาบันการศึกษาและเกรดการเรียนของผู้สมัครงานมาก แต่ปัจจุบัน ความเห็นเรื่องการศึกษาในระบบกับศักยภาพในการทำงานของคนเป็นคนละเรื่องเริ่มแผ่ไปยังบริษัทเอกชนโดยเฉพาะบริษัทคนรุ่นใหม่โดยล่าสุดผู้บริหาร Google เองก็ยอมรับแนวคิดนี้และเล่ากับสื่อว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษาและเกรดของผู้สมัครงาน ทำไม? แล้วพวกเขาให้ความสำคัญกับอะไรแทน?…Laszlo Bock ตัวแทนฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Google เคยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของ New York Times ว่า

1. คนจบจากสถาบันดัง เรียนสูง เกรดดี มีโอกาสมีอีโก้มากเกินไป

Google เปรียบคนที่เรียนเก่งมากๆ เมื่อทำงานอาจกลายเป็นคนจับจดทำอะไรไม่จบเพราะมัวขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบชนิดผิดไม่ได้ และยอมให้คนอื่นติติงเห็นต่างไม่ได้Google ต้องการคนที่มีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะน้อมรับความเห็นและถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าเสมอ หากเปรียบกับวลีไทยๆ ก็คือ คนที่ทำตัวเป็นน้ำพร่องแก้วย่อมมีที่ให้เติม แต่คนที่เป็นน้ำเต็มแก้วนั้นสอนหรือเรียนรู้อะไรอีกไม่ได้เลย

2. คนที่สร้างผลงานและมีประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบคือทรัพยากรบุคคลที่มีค่ามาก

คนเก่งๆ ที่ประสบความสำเร็จ มีผลงาน มีประสบการณ์ โดยที่เรียนไม่จบมีมากมายแต่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เราไม่สามารถใช้วิธีเข้าไปสรรหาพวกเขาตามสถาบันชั้นนำแบบที่บริษัทใหญ่ๆในอดีตนิยมทำ (ตั้งโต๊ะซื้อตัวหน้ามหาวิทยาลัยในฤดูจบการศึกษา)หลายทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาในระบบอันแพงลิ่วก็ไม่ส่งมอบผลิตผลบัณฑิตที่มีคุณภาพได้ตามปรัชญามาแต่ไหนแต่ไร บัณฑิตจำนวนมากจบมาพร้อมกับหนี้สินและความรู้ที่ไม่สามารถนำไปหาเงินใช้หนี้ให้ตัวเองได้ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่ Google เจอคนเก่งๆ ที่ปรากฏตัวอยู่นอกระบบการศึกษา มันเปรียบเสมือนการเจอของจริงที่ต้องล่าพามาเป็นทรัพยากรบุคคลของบริษัทให้ได้

3. ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วมีความสำคัญกว่า IQ

Bock บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในสถาบันการศึกษาในระบบไม่อาจเป็นหลักประกันได้ว่าจะเป็นคนทำงานเก่ง ทั้งนี้สภาพแวดล้อมในรั้วมหาวิทยาลัยถูกจัดวางมาเสมือนห้องทดลอง เขาเรียกว่า “artificial environment” อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดมาแล้วและนักศึกษาก็ถูกสอนให้คิดแบบเป็นเส้นตรงและอยู่ในกรอบสำหรับกูเกิ้ล… ความฉลาดแบบ IQ มีความสำคัญน้อยกว่าความสามารถในการเรียนรู้เร็วแบบเรียนไปทำไปปรับตัวไป! พวกเขามองหาคนที่มีความสามารถในการคิดและจับต้นชนปลายข้อมูลดิบต่างๆ ที่แตกกระจายเป็นส่วนๆ มาตกผลึกทางความคิดและสร้างแนวทางการทำงานหรือแก้ปัญหาได้ โดยมีแบบทดสอบเพื่อใช้พิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเรียกว่า structured behavioral interviews

สรุป

ผมจำได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน บริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือต่างประเทศต่างให้ความสำคัญของสถาบันการศึกษาบางแห่งจะรับคนต้องยึดเอาจากชื่อสถาบันที่จบให้ความสำคัญกับเกรด ต้องเกรด 3.00 ขึ้นไปหรือ 4.00 เป๊ะถึงจะรับทำงานดูคณะ ดูเกียรตินิยม ฯลฯแต่วันนี้โลกของเรามีปริมาณบัณฑิตล้นหลามเกินกว่าตำแหน่งงานจะรับไหว คนจบปริญญาตรีออกมาพิมพ์เดียวกันหมด ดังนั้นวุฒิตอบอะไรไม่ได้มากอีกแล้ว บริษัทขนาดเล็กเติบโตเร็วโดยเฉพาะพวกเทคสตาร์ทอัพต่างพากันให้ความสนใจกับพวก Independence คนเก่งที่มีหัวคิดอิสระ เรียนไปทำงานไปแล้วสามารถสร้างผลงานของตัวเองขึ้นมาได้ในประเทศไทยอาจจะยังไม่ค่อยบูม แต่ในอเมริกามีคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นทีละน้อยๆ หากพวกเขารู้ว่าใครเป็นคนเก่งในสายงานที่เขาต้องการ แม้ยังเรียนไม่จบก็อาจเป็นข้อยกเว้นเพื่อขอตัวมาร่วมทีมกับนายจ้างไฮเทคเหล่านั้นครับ

By Paul Kridakorn on February 6, 2015 in Entrepreneurship

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อาลัยแด่ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)


พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)ละสังขารแล้ว
วันที่ 16 พ.ค. 2558 เมื่อเวลา 11.45 น.

 10 คำคม หลวงพ่อคูณ "กูให้มึง"

1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้
2. กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง
3. กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา
4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ
5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญ ก็ไม่รู้จักกัน
6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน
7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก…ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง
8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน
9. เกิดมาแล้ว รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น
10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท



รวมคำสอนของหลวงพ่อคูณ

"กูไม่เป็นไรดอก ไม่ได้ป่วย ไม่เป็นอะไร" พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) หรือหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา กล่าวอยู่เสมอๆ ตลอดเวลาที่ลูกศิษย์ลูกหา เดินทางไปเยี่ยมเยียนอาการอาพาธของท่านถึงแม้ในวันที่เราสุดอาลัย กับการจากไปของท่าน

 ขอรวบรวมคำสอนของหลวงพ่อคูณมาฝากกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย แม้ในวันที่ไม่มีท่านหลวงพ่อคูณ สอนสั่งในด้านต่างๆ ไว้มากมาย เราจะหยิบยกทั้งหมดมา คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราขอนำเสนอแง่คิด คำสอนที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

สอนคนไทยมีศีลธรรม
- อยากให้บ้านเราเจริญนะ ไม่ยากหรอก ตั้งอยู่ในองค์ปัญจะทั้ง 5 คือรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ หรือใครก็ตาม แม้แต่พระเราก็ต้องรักษาศีล 5 ถ้าไม่มีศีล 5 ประจำใจ ไม่ว่าพระรูปใดรูปหนึ่ง ก็เป็นพระไม่ได้เหมือนกัน

บุญบาป
- กูไม่มีอะไรมาก กูไม่มีอะไรจะสอนพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงก็รู้ว่ากูพูดไม่เป็น พูดไม่เก่งเหมือนเขา เทศนาว่ากล่าวอะไรก็ไม่เป็น กูมีแต่ว่าให้ละชั่ว ทำดีกันเท่านั้นแหละ บุญบาปมีจริงลูกหลานเอ๊ย ให้เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ให้ละชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ บุญเห็นกับตา บาปเห็นกับตา รักตัวกลัวภัยอย่าทำชั่ว ให้ตั้งอยู่ในเมตตา
- คนนับถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องเชื่ออะไร เชื่อบุญมีจริง บาปมีจริง ก็ใช้ได้ เท่านั้นพอ ไม่ต้องทำอะไร- พ่อแม่อยู่บนบ้าน มึงไม่ทำบุญเลย มึงควรทำบุญทุกวันก็จะได้มาก มึงอย่ามัวรอทำบุญ 100 วันมึงจะได้สักเท่าไร

- คนทำบุญนี้ ก็ต้องฝึกมาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อเคยฝึกทำมาแล้ว ภายหลังมีเงินมีทอง จะบริจาคก็ไม่เสียดายความประมาท-การขับรถอย่างระมัดระวังไม่ประมาท สำคัญกว่าการเจิม อย่างโบราณท่านว่า วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็ชนกันตาย การขับรถจะต้องดูทาง ถ้ามันคดโค้งจะต้องระมัดระวังรู้จักหน้าที่-ลูกหลานเอ๋ย...การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลยการเป็นผู้นำ-หากมึงคิดเป็นผู้นำของแผ่นดิน องค์กรหรือครอบครัวที่ดี มึงต้องทำตัวเหมือนกระโถน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีเลว เรื่องดีมึงเก็บไว้กับตัว เรื่องเลวมึงทิ้งไว้ตรงนั้น แม้เขาถูกหรือผิดมึงก็ต้องรับฟังค่อยๆ บอกให้เขาแก้ไขเลี้ยงลูก-มึงอย่าไปดุไปด่าลูกมัน จะเป็นไปตามปากมึง ให้เรียกมันอีคนดี ไอ้คนดี โตไปมันจะได้เป็นคนดีของสังคม เพราะพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างให้กับลูก ถ้ามึงด่ามันเลว มันก็จะไปทำเรื่องไม่ดี พ่อแม่เองก็ต้องไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ทำเรื่องไม่ดีที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูกสอนคนทำงาน- คนส่วนใหญ่ที่มาวัดเพราะมันมีทุกข์ ถ้าไม่มีทุกข์ไอ้คนพวกนี้มันก็ไม่เข้ามา แต่ถ้ามึงงานยุ่งไม่เข้าวัดไม่เป็นไร มึงก็ตักบาตรอยู่หน้าบ้านก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องตักบาตรทีละร้อยๆ องค์ ตักบาตรวันละองค์สององค์ตามกำลังมึง พอทำบุญแล้วร่างกายมึงจะแข็งแรง ความคิดความอ่านปลอดโปร่งเฉียบแหลม เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ อาชีพที่มึงทำอยู่ก็จะก้าวหน้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่า พ่อแม่มึงสอนให้ทำบุญตักบาตรตั้งแต่ยังน้อยหรือเปล่า? ถ้ามันสอนมาลูกหลานก็กล้าทำบุญเข้าวัด แต่ถ้ามึงไม่สอนมันก็ไม่กล้าทำบุญ ไม่กล้าเข้าวัดเกี่ยวกับวัตถุมงคล- วัตถุมงคลเหมือนเปลือกไม้ หากผ่านเปลือกไปได้ท่านก็จะถึงแก่น ซึ่งการฝ่าเปลือกไม้ไปได้ท่านต้องรู้จักให้ทานเรื่องจริงทั่วๆ ไป
- คนเราเมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล- โลภ โกรธ หลง มึงอย่าไปหลงงมงายเชียวน่ะ ถ้ามึงไม่อยู่ในศีลในธรรมมึงก็จะเป็นไปตามกรรมที่มึงสร้างไว้- อย่ามัวมองคนอื่นว่าเขาไม่ดี แต่เราต้องมองตนเองก่อนว่าดีพอหรือยัง

Most watched