วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

ประมวลภาพน้ำท่วมพัทยา 24/3/58

24 มี.ค2558 ฝนถล่มเมืองพัทยาอย่างหนัก นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมขังถนนหลายสาย
Cr. : เพจเรารักด่านพัทยา






วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

Facebook ปรับเงื่อนใขใหม่ ไม่อยากโดนบล็อกต้องอ่าน

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
ความรุนแรงและการคุกคาม
เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยอย่างสูงสุด เนื้อหาที่เสี่ยงจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้หรืออาจเป็นภัยคุกคาม รวมถึงการข่มขู่ผู้อื่น องค์กรที่มีบันทึกก่อการร้ายหรือความผิด ความรุนแรงทางอาญา จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีสถานะอยู่บนเฟซบุ๊ก

การทำร้ายตนเอง
เราทำงานร่วมกับหน่วยงานป้องกันการฆ่าตัวตายทั่วโลก เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาจตกอยู่ในภาวะดังกล่าว ทั้งนี้ เฟซบุ๊กยังพยายามจำกัดเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง การใช้ยาเสพติดอย่างหนักออกไปด้วย

การกลั่นแกล้งและก่อกวน
แม้เฟซบุ๊กอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถพูดได้อย่างอิสระ ในเรื่องและบุคคลที่เป็นที่สนใจของประชาชน แต่เฟซบุ๊กก็จะดำเนินการกับการรายงานถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รวมถึงข้อความที่มีรูปแบบล่วงละเมิดผู้อื่นด้วย
สังคมออนไลน์ ก็ต้องมีกติกา...

ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง
ไม่อนุญาตให้มีการพูดถึงความเกลียดชัง เราไม่อนุญาตให้บุคคลหรือกลุ่มใดๆ โจมตีผู้อื่น ทั้งเรื่องเชื้อชาติ ชาติกำเนิด ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ หรือแม้แต่ความพิการ

เนื้อหาภาพ
จากการที่เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ของพวกเขา ซึ่งบางครั้งก็กลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่อการร้าย ในอดีตคนส่วนใหญ่ทำการแชร์เพื่อประณามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความรุนแรงหรือสถานการณ์เหล่านั้น ซึ่งจากนี้เฟซบุ๊กจะไม่มีพื้นที่สำหรับสิ่งเหล่านี้... เราคาดหวังว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กจะเลือกรับชมเนื้อหาต่างๆ อย่างระมัดระวัง รวมทั้งมีส่วนในความรับผิดชอบต่อสิ่งที่แชร์ออกไป

ภาพโป๊เปลือย
เฟซบุ๊กมีนโยบายที่เข้มงวดในการแบ่งปันและเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร รวมถึงเนื้อหาทางเพศต่างๆ โดยเราได้กำหนดข้อจำกัดในการแสดงผลภาพเปลือย เพื่อเป็นการเคารพสิทธิของผู้คน ทั้งบรรดาภาพประติมากรรม หรือแม้แต่ภาพการเลี้ยงลูกด้วยนม

ความเป็นตัวตนและความเป็นส่วนตัว
ต่อผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ซึ่งใช้ชื่อจริงและยืนยันตัวตนผ่านเฟซบุ๊ก เราขอให้คุณงดเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ รวมถึงการกล่าวอ้างเป็นบุคคลอื่น การสร้างหรือแสดงตนที่เป็นเท็จ รวมถึงการฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อกำหนดของเฟซบุ๊ก

ทรัพย์สินทางปัญญา
ก่อนแชร์เนื้อหาต่างๆ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถกระทำได้ เราขอให้คุณเคารพเรื่องลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า และสิทธิทางกฎหมายอื่นๆ

สินค้าควบคุม
เฟซบุ๊กไม่อนุญาตให้ทำการค้าเกี่ยวกับสินค้าควบคุม หากคุณกำลังใช้เฟซบุ๊กเพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยคุณควรปฏิบัติตามข้อกำหนดของเรา
โปรดใส่ใจกติกาเฟซบุ๊ก... จะได้ใช้งานโดยปลอดภัย

ฟิชชิ่งและสแปม/ความปลอดภัย
นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสมาชิกเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของพวกเขา เรายังขอให้ผู้ใช้ทุกคนเคารพสิทธิของสมาชิกอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาเล็กๆ ที่ส่วนท้ายของหน้าดังกล่าว เกี่ยวกับ "การแจ้งการละเมิด" ที่เฟซบุ๊กเชิญชวนให้บรรดาผู้ใช้ช่วยกันสอดส่องเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมบนสังคมออนไลน์แห่งนี้ โดยระบุว่า...หากคุณพบเห็นสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของเฟซบุ๊ก คุณควรรายงานให้เราทราบ เนื่องจากการเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายของเรา อาจทำให้คุณเกิดความรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือถูกรบกวนการใช้งาน ด้วยเหตุนี้เฟซบุ๊กจึงมีฟังก์ชั่นการตั้งค่าเพื่อควบคุมหรือซ่อนการใช้งานต่างๆ แบบเฉพาะบุคคลอยู่ด้วย เพื่อให้คุณยุติการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลหรือแอพพลิเคชั่นไม่พึงประสงค์

อย่างไรก็ตาม ในหน้า นโยบายชุมชนความช่วยเหลือของเฟซบุ๊ก ก็ได้มีการระบุเนื้อหาไว้สั้นๆ (แต่สุดแสนจะครอบคลุมทุกการใช้งาน) ว่า...โพสต์เกี่ยวกับคุณสมบัติและผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กเท่านั้น, ปฏิบัติตนด้วยความมีมารยาทต่อบุคคลอื่นในเว็บบอร์ด, โพสต์ควรมีความชัดเจนและง่ายต่อการเข้าใจ, ห้ามโพสต์สแปม หรือขอให้บุคคลอื่นติดตามคุณหรือถูกใจเพจของคุณ, ห้ามโพสต์เนื้อหาที่มีนัยทางเพศหรือมีความรุนแรง...

ไม่อยากถูกบล็อกการใช้งานก็อย่าท้าทายอำนาจเฟซบุ๊กนะจ๊ะ เพราะเขาบล็อกแต่ละครั้ง นานตั้ง 3 วัน นับนิ้วดูสิ 72 ชั่วโมงเชียวนะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน...!

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ล้มเหลว ก็เริ่มต้นใหม่ได้

ล้มเหลว เริ่มต้นใหม่ก็ได้
ภูเขาไม่ได้มีลูกเดียว
ความสำเร็จไม่ได้มีอย่างเดียว
ถ้ามีปัญหา
ให้ความเศร้าอยู่กับเราสักพักหนึ่ง
แล้วเดินออกจากปัญหานั้น


-พระมหา สมปอง -

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานีวิจัยปุ๋ยและพันธุ์พืช ปาล์มการ์เด้น พัทยา (โดย คุณวิจิตร ศุภรสหัสรังสี)

-โครงสร้าง
สถานีวิจัยวิจัยปุ๋ยและพันธุ์พืช ปาล์มการ์เด้นฯ เป็นสถานีที่วิจัยและพัฒนาปุ๋ยและEMจุลินทรีย์ เพื่อใช้งานในโรงแรมและสวน ชึ่งมีโรงแรมที่ใช้ปุ๋ยและEM. ในเครือทั้งสิ้น 8 โรงแรม คือ 
1.โรงแรมปาล์มการ์เด้น 
2.ซีลอดจ์ 
3.การ์เด้นลอดจ์ 
4.พูมีเรีย เซอวิส อพาร์ทเมนท์ 
5.โรสเบย์ 
6.เดอะ คอจเทจต์ 
7.บ้านน้ำเมารีสอร์ท 
8.โบตานี่ บีช รีสอร์ท 
และพื้นที่สวนอีก 3 แห่ง คือ โรงซักหนองใหญ่,โพธิสารและที่จังหวัดชัยนาท เป็นต้น







...................................


-ปุ๋ยที่ผ่านการทดลองสำเร็จแล้ว
1.ปุ๋ยน้ำ สูตรใช้ทั่วไป
2.ปุ๋ยน้ำ สูตรฮอร์โมน (ไคโตซาน หัวกุ้ง)
3.ปุ๋ยน้ำ สูตรฮอร์โมน (ไคโตซาน กากปลา)
4.ปุ๋ยน้ำ สูตรไม้น้ำ (ไม้ป่าชายเลน)
5.ปุ๋ยแห้งผสมNPK (ปุ๋ยคอกขี้ไก่,ขี้หมู ผ่านกระบวนการหมักด้วยEMแล้วตากแห้ง บดละเอียดแล้วผสมกับแร่ธาตุสังเคราะเพิ่มไนโตรเจน ฟอสเฟส โปรแทสเซียม เป็นต้น
6.EM จุลินทรีย์
............................ -ทีมงาน/บุคคลากร
ผู้อำนวยการและเจ้าของโครงการ
-คุณวิจิตร ศุภรสหัสรังสี (CEO)
-พี่น้อย หน.ช่าง (เลขา/ประสานงาน)
ทีมงาน ปาล์มการ์เด้น
-สุบรรณ์ (ท่านมหา ,โทน)วิเคราะห์และแผน
-ช่างวิทย์ ชาญวิทย์
-พี่หลวง สุวิทย์
-พี่ป้อ สะอาด
-น้องหวย หวย กัมพูชา
ทีมงานซีล็อดจ์ -ช่างวิชาญ 
ทีมงานสวนเดอะค็อจเท็จและหนองใหญ่

Co-Ordinator
คุณสัมพันธ์ โบตานี่ บีช รีสอร์ท
เจ๊แมว ,ลุงพร ,ลุงหนั่น







วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานีวิจัยปุ๋ยและพันธุ์พืช ปาล์มการ์เด้น พัทยา (โดย คุณวิจิตร ศุภรสหัสรัสี)

ประมวลภาพความสำเร็จในการทดลองใช้ปุ๋ยกับพันธุ์พืชต่างๆ จากปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่เหลือทิ้งต่างๆ จากครัวเรือน และสถานประกอบการ เช่นของที่เหลือใช้จากการทำอาหาร อทิ เปลือกผลไม้ต่างๆ กากถั่วเหลือง,เปลือกไข่ไก่ เป็นต้น สามารถนำมาทำปุ๋ยได้และให้ผลดีอีกด้วย 
พันธุ์พืชที่ใช้ในการทดลอดได้แก่
1.ข้าว(จ)
2.กล้วย  
3.ใผ่(ต,ย)
4.ไม้น้ำต่างๆ
(ไม้ป่าชายเลน)
และอื่นๆ 
ซึ่งถือได้ว่าได้ผลเป็นอย่างดีและลดต้นทุนในการจัดซื้อปุ๋ย(และEMจุลินทรีย์เพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสีย)ได้เป็นอย่างดี ลดการสูญเสียงบประมาณได้นับแสนบาทต่อปี อีกทั้งยังเป็นการจัดการและลดปริมาณขยะอีกทางหนึ่งด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม<<คลิ๊กที่นี่ >>








วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

มวลชนผู้หาญกล้า กับอุดมการณ์อันสูงสุด

มวลชนผู้หาญกล้า กับอุดมการณ์อันสูงสุดโดย : วันชัย ตัน
บรรณาธิการนิตยสารสารคดี

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน เวียดนามแบ่งเป็นประเทศเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ จากการแทรกแซงของมหาอำนาจในสมัยนั้น ต่อมาเกิดสงครามกลางเมืองในเวียดนามใต้ และรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งทหารมาถึง 5 แสนคนมาช่วยฝ่ายรัฐบาล เพื่อหวังหยุดยั้งฝ่ายเวียดกงที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือที่ต้องการรวมประเทศเวียดนาม ตามอุดมการณ์ของลัทธิสังคมนิยม

ท่านติช นัท ฮันห์ พระผู้นำจิตวิญญาณชาวพุทธคนสำคัญชาวเวียดนาม เคยเล่าให้ฟังในสมัยนั้นที่ท่านเป็นผู้นำขบวนการอหิงสาของชาวพุทธที่ไม่ฝักหนึ่งฝ่ายใดว่า
“ชาวเวียดนามผู้บริสุทธิ์หลายแสนคนถูกทหารฝ่ายรัฐบาลและทหารอเมริกันฆ่าตาย เพียงเพราะถูกป้ายสีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ คนเหล่านี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเกลียดชังเป็นการส่วนตัว”

แม้สงครามเวียดนามจะยุติลง แต่ได้ทำให้ผู้คนในสังคมเวียดนามแตกแยกร้าวลึกไปอีกนับสิบปี เพราะความเกลียดชังที่หยั่งรากลงไป

ทุกวันนี้หากไปถามคนเวียดนาม ที่เคยมีประสบการณ์วัยเด็กวิ่งหนีความตายสมัยสงคราม พวกเขาต่างชิงชังกับฝันร้ายในสงครามกลางเมืองที่ยังตามมาหลอกหลอน

แน่นอนว่าในสงครามครั้งนั้น ฝ่ายเวียดกงสามารถขับไล่รัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐได้สำเร็จ แต่ประชาชนอย่างพวกเขาแพ้เต็มประตู ผู้คนจำนวนมากสูญเสียคนในครอบครัว บ้านแตกสาแหรกขาด โดยที่ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ขณะเดียวกันอุดมการณ์สังคมนิยม อันเป็นความเชื่อสูงสุดที่พาคนตายไปจำนวนมาก ปัจจุบันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าเวียดนามเป็นสังคมในอุดมคติแบบที่นักทฤษฎีทั้งหลายใฝ่ฝัน ขณะที่กำลังเดินตามระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่เคยรังเกียจอย่างเงียบๆ
เช่นเดียวกับประชาชนในกัมพูชาและลาวที่เคยผ่านสงครามกลางเมือง ผู้คนตายกันเป็นเบือ ฆ่ากันเองจากความเกลียดชังและอุดมการณ์ต่างกันที่ถูกหล่อหลอมกันมา ทุกวันนี้หลายคนยังไม่ตื่นจากฝันร้ายที่รอดตายในวัยเด็ก

ผู้นำประเทศสังคมนิยมเหล่านี้ก็เริ่มเก็บอุดมการณ์เพื่อผู้ยากไร้ใส่กระเป๋า และหาทางครองอำนาจให้ยาวนานที่สุด กำจัดศัตรูทางการเมืองไปทีละคน พร้อมกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ประเทศไทยอาจจะโชคดีที่ผ่านพ้นสงครามกลางเมืองระหว่างผู้ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน คือฝ่ายรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีผู้บาดเจ็บล้มตายไม่มาก ก่อนที่จะมีการเจรจาหยุดยิง คนไทยไม่ต้องหลั่งเลือดล้มตายกันเป็นแสนคนเหมือนอย่างประเทศเพื่อนบ้าน

แต่ใครจะคิดว่า ยุคที่โลกกำลัง CHANGE ในเมืองไทยกำลังจะเกิดสงครามกลางเมืองที่ต่างฝ่ายต่างสร้างความชอบธรรม และสร้างความเกลียดชังจนสุกงอมมากพอที่จะทำให้บรรดาคนเสื้อเหลือง และเสื้อแดงออกมาไล่ฆ่า ไล่ยิงอย่างป่าเถื่อนกลางถนนตอนกลางวันแสกๆ ได้

การสร้างความเกลียดชังระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประสิทธิภาพของสื่ออันทันสมัย โดยเฉพาะจากวิทยุ โทรทัศน์และสื่อออนไลน์

เป็นที่น่าเสียดายว่า ในยุคที่สื่อมวลชนมีเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่สื่อบางฉบับกลับเสนอความจริงบางส่วน เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อในสิ่งที่สื่ออยากให้เชื่อ แทนที่จะเสนอข่าวอย่างครบถ้วนและให้คนอ่านตัดสินเอาเอง

ไม่ต่างจากเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศรวันดาระหว่างชนเผ่าสองฝ่ายที่อยู่ร่วมประเทศเดียวกัน เมื่อฝ่ายรัฐบาลที่เป็นชนเผ่าฮูตู ได้ใช้สื่อปลุกระดมผ่านทางสถานีวิทยุว่า ชนเผ่าตัวเองยิ่งใหญ่เหนือกว่าพวกตุ๊ดซี่ที่เป็นชนกลุ่มน้อย และเป็นแค่แมลงสาบต้องขยี้ให้ตายหมด ผลก็คือ บรรดาชายฉกรรจ์เผ่าฮูตูถือมีดดาบ ออกมาตั้งด่านเถื่อนกลางถนน ตรวจรถทุกคันหากเป็นพวกตุ๊ดซี่ก็ฆ่าทิ้งกลางถนน

ไม่ถึงเดือนประชากรตุ๊ดซี่ถูกสังหารหมู่ไปนับล้านคน และอพยพหนีตายออกนอกประเทศอีกหลายล้านคน แต่ไม่กี่เดือนกองทัพของชาวตุ๊ดซี่ก็ทำสงครามยึดประเทศรวันดาได้ คราวนี้ชาวฮูตูต้องอพยพออกนอกประเทศบ้าง เพราะกลัวการล้างแค้นเอาคืน และทุกวันนี้แม้เหตุการณ์จะสงบลง แต่ประชาชนทั้งสองเผ่าก็ยังนอนตาไม่หลับ ไม่แน่ใจว่า คืนใดจะมีการล้างแค้นเอาคืนอีกหรือไม่

สงครามกลางเมืองทั่วโลกที่ผ่านมา เป็นเรื่องของความเชื่อ ปัญหาด้านเชื้อชาติ และอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างอ้างสิ่งที่ตัวเองเชื่ออย่างหนักแน่น จนพัฒนาไปสู่ความขัดแย้ง ยากที่จะสมานฉันท์กันได้ นอกจากการใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกัน

สงครามกลางเมืองในประเทศนี้กำลังเริ่มต้นแล้ว ฝ่ายหนึ่งยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ แต่ไม่เคยบริหารประเทศ นอกจากเร่งรัดอนุมัติเงินงบประมาณหลายแสนล้านบ้านเพื่อประโยชน์ของพรรคพวกตัวเอง และทำทุกอย่าง แม้กระทั่งจะแก้กฎหมายเพื่อจะฟอกให้นายใหญ่ของตัวเองที่ทำผิดกฎหมายชัดเจนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยอ้างอุดมการณ์ท่องคาถาว่า เป็นฝ่ายปกป้องประชาธิปไตย

ขณะที่อีกฝ่ายอ้างคุณธรรมนำหน้า โจมตีคนรอบข้างที่เห็นแตกต่าง ทำทุกอย่างเพื่อจะล้มล้างรัฐบาล แม้ต้องละเมิดกฎหมาย หรือสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติเพียงใด โดยท่องคาถาชูอุดมการณ์ว่า เป็นฝ่ายปกป้องสถาบัน
ขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ แกนนำทั้งสองฝ่ายกำลังวางแผนทางยุทธวิธีเพื่อต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายมีมวลชนเสื้อแดงและเสื้อเหลืองสนับสนุนอยู่จำนวนมาก และใช้สื่อปลุกเร้าจิตใจของมวลชนให้ฮึกเหิม กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละกับอุดมการณ์ของตัวเอง
สังคมไทยอาจจะต้องเปลี่ยนผ่านด้วยสงครามกลางเมืองจริงๆ กว่าจะเรียนรู้ว่า ประชาชนผู้บาดเจ็บล้มตายคนแล้วคนเล่าคือเหยื่อของอุดมการณ์ที่ไม่เคยจีรังยั่งยืน และผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากอุดมการณ์เหล่านี้คือ ผู้ปกครองทุกยุคทุกสมัย
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่า มวลชนผู้หาญกล้า สุดท้ายก็คือ เหยื่อ


เราตกเป็นเหยื่อมากพอหรือยัง 

Most watched