วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตั้งค่าหัว 1 แสน ล่าตัวสามีภรรยา ทารุณเด็กกะเหรี่ยง

ตั้งค่าหัว 1 แสน ล่าตัวสามีภรรยา ทารุณเด็กกะเหรี่ยง

ข้อมูลจาก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
   ตำรวจเร่งล่าตัว 2 สามี-ภรรยา ทารุณเด็กกะเหรี่ยงด้วยการใช้น้ำร้อนลวกตามร่างกาย จนเป็นแผลพุพองอย่างหนัก โดยมีการตั้งค่าหัวทั้งคู่จำนวน 100,000 บาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส
                สืบเนื่องจากกรณีที่เด็กหญิงแอร์ (นามสมมติ) ชาวกะเหรี่ยงวัย 12 ปี ถูก นายนที แตงอ่อน อายุ 35 ปี และนางสาวรัตนากร ปิยะวรธรรม อายุ 33 ปี สองสามี-ภรรยา จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นนายจ้าง ลักพาตัวตั้งแต่ 5 ขวบ พร้อมกับทารุณกรรมด้วยการราดน้ำร้อนใส่จนเป็นแผลไปทั้งตัว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาหนัก 7 ข้อหา และนำตัวเด็กหญิงไปรักษาตัวตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

                ล่าสุด วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงติดตามตัวสองสามี-ภรรยา มาดำเนินคดีแล้ว แต่คาดว่าทั้งคู่กำลังเตรียมตัวหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากมีการถอนเงินในบัญชีญาติออกไปนับล้านบาท จึงได้มีการตั้งรางวัลนำจับ 100,000 บาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสของ นายนที แตงอ่อน และ นางสาวรัตนากร ปิยะวรธรรม เพื่อเร่งติดตามตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีให้ได้

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ชาวเน็ตอึ้ง! น้องชาย"ทักษิณ" บวชแค่ 8 วันได้ตำแหน่ง"พระครู"เลย ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ


ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ! "พายัพ"น้องชายทักษิณบวชแค่ 8 วันได้เป็น"พระครู"เลย ชี้แหกกฎ ตามหลักแล้วต้องอุปสมบทแล้วไม่น้อยกว่า 10 พรรษาขึ้นไป
         วันนี้( 18 ก.พ.) โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า นายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่วัดป่าพุทธคยา ประเทศอินเดียโดยได้รับฉายาว่า พระพายัพ เขมะคุโณ และมีกำหนดลาสิกขาในวันที่ 11 มี.ค.นี้
         ทั้งนี้พระพายัพได้รับ การแต่งตั้งจาก สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ให้เป็นพระฐานานุกรมในตำแหน่ง "พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์" ภายหลังจากการอุปสมบท
         อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์ในวงการสงฆ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากตามธรรมเนียมปฏิบัติพระสงฆ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมนั้นจะต้องผ่านการอุปสมบทมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 พรรษา
         อนึ่ง ฐานานุกรม คือชื่อเรียกลำดับตำแหน่งสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย ซึ่งภิกษุผู้มีตำแหน่งทางการปกครองหรือมีสมณศักดิ์สูงบางตำแหน่งมีสิทธิตั้งพระรูปอื่นให้เป็นฐานากรมได้ตามศักดิ์ที่ได้รับพระบรมราชานุญาต เช่น พระสงฆ์ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง พระราชาคณะชั้นสามัญตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง เป็นต้น ไปจนกระทั่งถึงสมเด็จพระสังฆราชทรงตั้งฐานานุกรมได้ 15 ตำแหน่ง
         ฐานานุกรมนั้นมีตำแหน่งที่เป็นหลัก 3 ตำแหน่ง คือ พระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา หากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่มีสิทธิ์ตั้งฐานานุกรมเป็นผู้ที่มีสมณศักดิ์ตั้งแต่พระราชาคณะชั้นราชขึ้นไป พระฐานานุกรมที่ท่านเหล่านั้นตั้ง จะเรียก "พระครู" นำหน้าตำแหน่งฐานานุกรมนั้นทุกตำแหน่ง เช่น พระครูปลัด พระครูสังฆรักษ์ เป็นต้น
         ภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งในลักษณะนี้เรียกว่า พระฐานานุกรม ทุกรูปจัดเป็นพระมีสมณศักดิ์เหมือนพระสมณศักดิ์ที่ทรงแต่งตั้ง พระในตำแหน่งเหล่านี้บางทีเรียกประทวนสัญญาบัตร บ้าง ฐานาประทวน บ้าง และเนื่องจากสมณศักดิ์เหล่านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้พระราชทานเอง ดังนั้นเมื่อพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์ที่ได้ตั้งฐานานุกรมไว้มรณภาพ ตำแหน่งฐานานุกรมต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุดไปด้วย เรียกกันในภาษาปากว่า พระครูม่าย หรือ ฐานาม่าย จนกว่าจะได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมใหม่
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเว็บไซต์ โพสต์ทูเดย์


ที่มา http://www.tnews.co.th/html/news/51688/#.USCMUx0a6hc


It's mine


วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เด็กหาย!!! ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี (น้องหญิง) อายุ 4 ขวบ

เด็กหาย!!! ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี (น้องหญิง) อายุ 4 ขวบ หายไปจากงานประจำปี ภายในศาลากลางจังหวัดเลย ตั้งแต่คืนวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ลักษณะ ผมหน้าม้า ยาวถึงต้นคอ สูง 115 ซม. หนัก 14 กก ผิวคล้ำ มีแผลเป็นหลายจุดบริเวณขาแขน สวมเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีเหลือง รองเท้าแตะสีชมพู ผู้ใดพบเห็น โปรดแจ้ง มูลนิธิกระจกเงา โทร 0807752673 หรือ facebook ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา www.facebook.com/thaimissing ประกาศเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556
REF : 
ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา




-น้องหญิงหายที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และใคร?-

(1)
หลายท่านสงสัย มีคำถาม ตลอดจนถึงตำหนิครอบครัวของน้องหญิงที่ปล่อยน้องหายตัวไป - ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่องให้ฟังก่อนนะครับ

(2)
แม่น้องหญิงเลิกลากับพ่อน้องหญิงได้มาระยะเวลาหนึ่งปีเศษๆ โดยหลังจากแยกทางกัน ก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก ส่วนความเห็นว่าพ่อเด็กจะเป็นผู้พาตัวเด็กไปเองหรือไม่ ฝ่ายแม่และญาติมั่นใจว่าน่าจะไม่ใช่พ่อเด็กเป็นคนพาไป (ประเมินจากพฤติกรรมและศักยภาพของพ่อเด็กที่ผ่านมา) แต่ทั้งนี้ เราก็ต้องทำให้ปราศจากข้อสงสัย ตอนนี้กำลังติดตามหาตัวพ่อน้องอยู่ครับ.

(3)
น้องหญิงมีพี่ชายอีกหนึ่งคนอายุ 11 ขวบ ด้วยความที่แม่ต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพัง จึงต้องเอาน้องหญิงไปฝากให้ตากับยายเลี้ยง เพราะต้องไปทำงานรับจ้างตอนกลางวัน ส่วนพี่ชายไปโรงเรียน กลับมาเจอกันตอนเย็น

(4)
ตายายและญาติๆ ของน้องหญิงมีอาชีพขายของตามตลาดนัดและงานประจำปี จึงขึ้นไปตะเวนขายของในงานประจำปีจังหวัดต่างๆ โดยต้องพาน้องหญิงไปด้วยเนื่องจากไม่มีคนดูแลน้องในช่วงเวลากลางวัน

(5)
ภายในงานประจำปี ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้ารู้จักกันหมด เพราะเดินทางไปขายของแบบกองคาราวาน ดังนั้นทุกคนจึงรู้จักน้องหญิง การปล่อยให้เด็กวิ่งเล่นระหว่างร้านของญาติๆ จึงไม่ใช่เรื่ิองผิดปกติวิสัย

(6)
สภาพของศาลากลางจังหวัด มีขนาดใหญ่ และเหตุเกิดในเวลาเย็นต่อเนื่องเวลากลางคืน การไล่ดูกล้องวงจรปิด ครอบครัวและตำรวจได้ดำเนินการแล้ว บางพื้นที่ไม่มีกล้อง บางกล้องเสีย ส่วนกล้องที่ไม่เสียก็ไม่พบเบาะแส

(7)
ตอนเกิดเหตุแม่น้องหญิงอยู่กรุงเทพฯ เมื่อทราบข่าวจึงเดินทางขึ้นไปจังหวัดเลยทันที

(8)
ตายายและญาติๆ ของน้องหญิง ช่วยกันออกตามหา และยังขายของต่อในงานประจำปีที่เลย จนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 มีคำถามว่า ทำไมลูกหลานหายยังขายของอยู่ได้ ประเด็นคือ ถ้าหยุดก็ต้องเสียค่าเช่า และเป็นอาชีพหลักของครอบครัว ถ้าไม่ขายของ ก็จะมีผลกระทบด้านปากท้องของครอบครัวทั้งหมด

(9)
ปัจจุบันตายายและญาติๆของน้องหญิง หยุดการตะเวนไปขายของตามจังหวัดต่างๆ โดยปักหลักขายของที่จังหวัดเลย เพื่อตามหาและรอฟังข่าวน้องหญิง

(10)
แม่น้องหญิงกลับมาดูแลลูกชายที่กรุงเทพฯ (ตอนไปจังหวัดเลย ให้ลูกชายอยู่ในห้องเช่าตามลำพัง) และมาประสานงานหน่วยงานตลอดจนสื่อมวลชนอยู่ที่กรุงเทพฯ

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเอง ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในชีวิตของแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และชาวบ้านจนๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้จะไปพึ่งใคร.

 ประกาศเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=566527040027214&set=a.566801033333148.137162.130041893675733&type=1&theater

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สิ้น'เสธ.หนั่น'แล้ว! ข่าวไทยรัฐออนไลน์

สิ้น'เสธ.หนั่น'แล้ว! ติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง ข่าวไทยรัฐออนไลน์»
 
ปิดตำนาน "เจ้าพ่อชาละวัน" พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หลังติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อเวลา 17.09 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่โรงพยาบาลศิริราช ในวัย 78 ปี เบื้องต้นศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด...

คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดข่าวจากข่าวไทยรัฐออนไลน์

อุกกาบาตชนโลก!!

คม ชัด ลึก 16 ก.พ.56

REF  :  ต่อเนื่องจากข่าวTnews With Torakong Newsletter

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คลิปชัดๆนาทีระทึก อุกกาบาต พุ่งถล่มรัสเซีย


คลิปนาทีระทึกอุกกาบาตพุ่งถล่มรัสเซียบริเวณตอนกลางของประเทศ  เขต เชลยาบินสก์  ทำให้มีบ้านเรือนเสียหาย ประชาชนเจ็บอื้อ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่า มีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันนี้ ( 15 ก.พ. )  ประเทศรัสเซียว่า เกิดเหตุอุกกาบาตตก ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นในแถบพื้นที่ตอนกลางของรัสเซีย โดยผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหวและฟ้าผ่าขึ้นในเวลาเดียวกัน  สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากอุกกาบาตได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
           นางอีรินา รอสซิอุส โฆษกหญิงกระทรวงสภาวการณ์ฉุกเฉินรัสเซีย แถลงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยส่วนหนึ่งของอุกกาบาตน่าจะลุกไหม้ระหว่างลอยผ่านชั้นบรรยากาศโลก ขณะที่ส่วนที่เหลือได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควัน เหนือท้องฟ้าในเขตเชลยาบินสก์ บริเวณเทือกเขาอูราล ก่อนร่วงลงตามเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน

          เบื้องต้นมีประชาชนราว 100 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเศษกระจกบาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสะเก็ดอุกกาบาต นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก เนื่องจากได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานเปิดเผยเกี่ยวกับขนาดที่แน่ชัดของอุกกาบาต
     
ขอบคุณข้อมูล เดลินิวส์



Photo from Twitter.com user @varlamov

REF : 



คลิปชัดๆนาทีระทึก อุกกาบาต พุ่งถล่มรัสเซีย


คลิปนาทีระทึกอุกกาบาตพุ่งถล่มรัสเซียบริเวณตอนกลางของประเทศ  เขต เชลยาบินสก์  ทำให้มีบ้านเรือนเสียหาย ประชาชนเจ็บอื้อ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่า มีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันนี้ ( 15 ก.พ. )  ประเทศรัสเซียว่า เกิดเหตุอุกกาบาตตก ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นในแถบพื้นที่ตอนกลางของรัสเซีย โดยผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหวและฟ้าผ่าขึ้นในเวลาเดียวกัน  สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากอุกกาบาตได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
           นางอีรินา รอสซิอุส โฆษกหญิงกระทรวงสภาวการณ์ฉุกเฉินรัสเซีย แถลงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยส่วนหนึ่งของอุกกาบาตน่าจะลุกไหม้ระหว่างลอยผ่านชั้นบรรยากาศโลก ขณะที่ส่วนที่เหลือได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควัน เหนือท้องฟ้าในเขตเชลยาบินสก์ บริเวณเทือกเขาอูราล ก่อนร่วงลงตามเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน

          เบื้องต้นมีประชาชนราว 100 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเศษกระจกบาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสะเก็ดอุกกาบาต นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก เนื่องจากได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานเปิดเผยเกี่ยวกับขนาดที่แน่ชัดของอุกกาบาต
     
ขอบคุณข้อมูล เดลินิวส์




Photo from Twitter.com user @varlamov

REF : 

Most watched