วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

3สิ่งในชีวิต...






















เรื่องเล่าจาก email

fw mail from : รจนา
good article ดีม๊าก มาก ต้องอ่าน

หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง
เสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
ทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า
มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพ กำลังรับสมัคร นักการภารโรง
ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา จึงจับรถมากรุงเทพ และเดินกางแผนที่
(ที่เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น
ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ เ
มื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่ง
และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ นายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ ยกมือไหว้
แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า “... ขอโทษครับพี่ ผม...คือว่า...
ผม...อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ... ”
เจ้าหน้าที่ ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้น ชักสีหน้าทันที
“... อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียน ถึงจะตำแหน่งแค่
นักการภารโรง ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา
แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ ”
หนุ่มบ้านนอกหน้าซีด ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลก ๆ
“... ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่
ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ ”
“ งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก... ” เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้
คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย “... เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะ
อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ กลับไปเถอะ ”
หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียน
ที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย
และเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพ ก็จึงต้องจำใจ
กำเงินจำนวนสุดท้าย จับรถ ซมซานกลับบ้าน อย่างนกปีกหัก
… แต่เมื่อกลับถึงบ้าน จึงนึกขึ้นได้ว่า ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดก
เป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตาย มาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว
ด้วยความเจ็บใจ จึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียม หักร้างถางพง
ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อย
อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .
… อาจเป็นบุญในปางบรรพ์ ของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้
ที่ปรากฎว่า หลายปีต่อมา สวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้น ออกผลอย่างงดงาม
และสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี
กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียง
ขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น และกว้างขึ้น.
. . หลายสิบปีต่อมา จากความขยันขันแข็ง
มานะอดทน และประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
บัดนี้ หนุ่มบ้านนอกคนนั้น ก็กลายเป็นชายชรา
ที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของ พ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และภูมิภาคนั้น
… อยู่มาปีหนึ่ง เมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาล และชำระบัญน้ำบัญชีเรียบร้อย
โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษา
และแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อน
นั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอ เพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก
เมื่อแจ้งนาม และความจำนงกับธนาคารแล้ว
พนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว
เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้ว
ผู้จัดการก็แตะข้อต่อศอก ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทอง
ให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา
“ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้ รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ
” พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ
พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ “ พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด
ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...
” ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีด
พลางค่อยๆอ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ
“... เอ่อ...ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ... .
.. เอ่อ...ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับ
คือ...พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยง
ในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่... ”
ผู้จัดการ ชะงัก ด้วยความเกรงใจ
และในที่สุดก็หลุดปากถามออกมา
ด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง
“... แต่ พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้ หรือครับ... ”
“... พ่อหนุ่ม ” พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
“... ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ... ”
แกถอนหายใจยาว
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า
“... ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ... ”
=================================
คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่คนอื่นมองเรา

แต่ขึ้นอยู่กับตัวเรา โอกาสยังมีอยู่เสมอ

ขอเพียงแต่มองไปรอบๆ ตั้งใจทำในสิ่งที่ทำได้

และทำให้เต็มความสามารถ แล้วดอกผลจะตามมาเอง

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุ๊กกี้








































FW:mail From aomaom ความจำสั้น แต่ รักฉันยาว

คำบางคำ...กินใจชะมัด‏

โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
คุณว่าจริงไหม . . . ?
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่า. .
....แมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ในโลกกลม ๆ ใบนี้ไม่มีคำว่าแน่นอน
คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย
อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา

เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของอีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้
ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่!
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญในเรื่องของความรัก
มีแต่คำว่าตั้งใจ

ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใส
หลังผ่านปัญหาจะรู้ว่า ปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
เมื่อวานก็สายเกินแก้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไป

อย่าหวังว่า . . . จะได้รับความรักจากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณหมดทุกคน

เพื่อนทั่วไป . . . ไม่เห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้ . . . มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป . . . ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้ . . . จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไป . . . คาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้ . . . คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป

FW: mail From :Kamonnatt Tachanant

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

คาถาสำหรับคนทำงาน

ขั้นแรก...ท่อง นโม 3 จบ ก่อน
แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ
อาจจะมี . เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
อาจจะมี .เบื่อกันบ้าง....ในบางหน
อาจจะมี .เหม็นเบื่อหน้า...กับบางคน
พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์..
......
1. อย่าขับรถเร็วเกินที่เทวดาประจำตัวของคุณบินทันเป็นอันขาด
2. การแก้แค้นไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเหมือนกับดื่มน้ำทะเลเวลาหิวน้ำนั่นแหละ
3. ความหมายของความสุขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากให้มันเป็น
4. "อย่ากลัวความฝันของคุณ: มันง่ายกว่าที่คิด"
5. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ทุกๆ 4 คนจะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยน ๆ ลองเช็คเพื่อนคุณสัก 3 คนสิ ถ้าทุกคนปกติดีก็คุณน่ะแหละ
6. แบ่งปันรอยยิ้มของคุณให้กับทุกคน แต่ให้เก็บจุมพิตให้กับคนเพียงคนเดียว
7. น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ แต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
8. สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ไม่ใช่วัตถุ
9. การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับจิตใจคือการก้มลงแล้วช่วยคนอื่นให้ลุกขึ้น
10. คนๆหนึ่งอาจทำอะไรผิดพลาดได้หลายอย่าง แต่มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปจริงๆ เมื่อเขาเริ่มโยนความผิดไปให้คนอื่น
11. เรารู้สึกดีที่มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเป็นคนดี
12. มีแต่ปลาตายที่ลอยตามน้ำ
13. คุณค่าของคน ๆ หนี่งบอกได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่เขาไม่ต้องการ
14. เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน แล้วคุณจะไม่มีวันพบกับเงามืด
15. คนอ่อนแอเท่านั้นที่ให้อภัยใครไม่เป็นการให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้ เข้มแข็ง
16. ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบเท่านั้น
17. เมื่อคุณพูดความจริง คุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำอะไรทั้งนั้น
18. เด็กๆต้องการความรักมากที่สุดเมื่อพวกเขาทำตัวไม่น่ารัก
19. คำว่า listen (ฟัง) นั้นใช้ตัวอักษรชุดเดียวกับคำว่า silent (เงียบ)
Credit : Torakhong.net(คุณกาแฟครึ่งถ้วย)

พจนานุกรมใจ

"น้อยใจ" อาการอ่อนแอของจิตใจ . . . ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ยามที่เกิดความต้องการให้คนเอาใจ วิธีแก้ . . . อย่าเอาแต่ใจ
"เจ็บใจ" อาการเป็นพิษของจิตใจ . . . ที่ลามมาจากหาง เวลามีใครมาเหยียบมัน วิธีแก้ . . . ตัดหางทิ้งซะ อย่ายกหางตัวเอง
"ละอายใจ" อาการใฝ่ดีของจิตใจ . . . ที่ออกมาชี้หน้าด่าเรา ข้อแนะนำ . . . เมื่อละชั่วได้ ก็ไม่อายแก่ใจ
"เสียใจ" อาการวูบทางจิตใจ . . . เกิดจากความไม่มั่นคง เพราะชอบเอาใจไปผูกเอาไว้กับสิ่งอื่น วิธีแก้ . . . ตัดใจซะสิ อย่าไปผูกมันไว้
"ใจหาย" อาการนี้ . . . ชื่อก็บอกอยู่แล้ว วิธีแก้ . . . หายใจเข้าสิ หายใจลึกๆ แล้วจะเลิกใจหาย
"หลายใจ" อาการสืบพันธุ์ของจิตใจ โดยการแบ่งตัว นำไปสู่อาการน้อยใจ . . . แก่คนรอบข้างได้ในเวลาต่อมา วิธีแก้ . . . ระลึกไว้ มีแต่พวกอะมีบาที่ใช้วิธีแบ่งแบบนี้
"ทำใจ" อาการที่แปลกที่สุดของใจ . . . ยิ่งทำมากเท่าไร . . . ใจยิ่งว่างเท่านั้น ข้อแนะนำ . . . ทำทุกครั้ง ทำบ่อยๆ ค่อยๆ ทำ...

Cradit:FW MAIL From คุณมาหาฯ รจนา
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

หนูสอนให้พ่อ... รู้ว่า...

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูก้มเอาหน้าผากแตะพื้น แปลว่าช้อนเมื้อกี้เป็นช้อนสุดท้าย แล้วหนูจะไม่หม่ำอีกเด็ดขาด ไม่ว่าพ่อจะมาไม้ไหนก็ตาม
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พจนานุกรมหนูมี 3 คำ มี้อาว แปลว่า ไม่เอา ... มะ แปลว่า แม่ ... จิ แปลว่า ฉี่ (ซึ่งบางครั้งพ่อก็ต้องเดาเอาว่า จะฉี่ หรือ ฉี่ไปแล้ว จงไปตามเช็ดด้วย)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เย็นวันที่พ่อกลับเร็วนั้นมีความหมายกับหนูแค่ไหน
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า หนูกินไม่เลือกเหมือนพ่อนั่นแหละ
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่ารัดจุกหนูกลางหัว เพราะเวลาหนูคันหัวหนูจะเกาจนมันหลุด ให้รัดค่อนมาทางหน้าผาก
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูมาเกาะขาแล้วชี้ไปที่ไหน แปลว่า สิ่งนั้นมันทำให้หนูเจ็บหรือไม่ชอบใจ (ซึ่งบางทีหนูก็เกาะขาแม่แล้วชี้มาที่พ่อ)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูยังไม่หลับ อย่าหวังว่าใครในบ้านจะได้หลับ (อย่างเป็นสุข)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า การจัดบ้านให้เป็นระเบียบนั้น เป็นการเสียเวลาและพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เมื่อหนูตื่นมากลางดึก ถ้าพ่อตบก้นหนูเบาๆแล้วหนูยังไม่หลับต่อ แปลว่าหนูหิวน้ำ จงเอาขวดน้ำมาใส่ปากหนูซะดีๆ ไม่งั้นพ่อไม่ได้หลับต่อแน่ๆ ...
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่มีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก ...
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่าลืมปล่อยหนูเล่นน้ำนานเกิน 10 นาที เพราะหนูจะเป็นหวัด แล้วคนที่เดือดร้อนก็พ่อนั้นแหละ
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูนอนไม่หลับให้เอามือหนูมาแปะไว้ที่หน้าพ่อแล้วหนูจะหลับได้ง่ายขึ้น (แต่ตอนตื่นมักจะกลายเป็นเท้าหนูเวียนมาอยู่บนหน้าพ่อแทนอยู่ร่ำไป)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า .... แล้ววันหนึ่งที่ .... ความรักของพ่อ ... ถูกมองว่าน้อยกว่าความรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง
คำพร่ำเตือนสอนสั่งของพ่อ .... เสียงดังน้อยกว่าคำออดอ้อนของผู้ชายคนนั้น
ความห่วงใยของพ่อ ... มีค่าน้อยกว่าที่จะปฏิเสธคำขอผู้ชายคนนั้น
อ้อมกอดของพ่อ ... ดูเหมือนจะอบอุ่นน้อยไปกว่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น
พ่อหวังแค่เพียง...ผู้ชายคนนั้นจะรักและทะนุถนอมหนูได้เพียงครึ่งที่พ่อรักหนู ...
ที่มา : *_* NONGSAWNUY *_* เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

(เก็บจากโทรโข่ง Credit : คุณกาแฟครึ่งถ้วย)

สิ่งที่สุดของชีวิต

สิ่งที่สุดของชีวิต
FW mail: สิ่งที่สุดของชีวิต‏
จาก:รจนา (torakhong)


สิ่งร่ำรวยที่สุดของชีวิต คือ สุขภาพที่แข็งแรง
บาปกรรมใหญ่หลวงที่สุดของชีวิต คือ ไม่กตัญญู
ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือ การทะนงตัว
ของกำนัลที่มีค่าที่สุดของชีวิต คือ การให้อภัย
ความชั่วช้าต่ำต้อยที่สุดของชีวิต คือ การข่มเหงผู้อื่น
การผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของชีวิต คือ เล่นการพนัน
การล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือ ความสิ้นหวัง
ความสุขมากที่สุดของชีวิต คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
การยอมรับและนับถือได้มากที่สุดของชีวิต คือ ความก้าวหน้า
คนเราสร้างแต่ความดี ถึงแม้ว่าลาภผลยังไม่ได้รับ
แต่สิ่งภัยวิบัตินั้นได้หลีกห่างไปไกล
คนเราทำแต่ความดี ถึงแม้กรรมชั่วยังไม่ได้ตอบสนอง
แต่ผลบุญนั้นได้หลีกห่างไปไกล
แด่ ชาวโลกทุกคน


วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

คำสอนของหลวงตา (คนสามคน)

เก็บจากโทรโข่ง Credit : คุณกาแฟครึ่งถ้วย
...............................

คนสามคน
ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า “ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ”
หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า “เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ “
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา “คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น บางคนอยาก เป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ”
“มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้”
“อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนีทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร”
“สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบนั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล”
“แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ “ ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้ว เริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา
“เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม”
“เข้าใจครับหลวงตา” เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง
ที่มา
http://www.thaireaderclub.com/read.php?id=899
../ กาแฟครึ่งถ้วย ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๑ น.

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

เป็นกำลังใจให้นะ

Clickเข้าไปดูนะ..

(เปิดลำโพงด้วย)

http://en-light.com/V2/s/01_GoodWind.html


FW mail From : รุ่งนภา ฟรานซิส (น้องรุ่ง น่ารักมากๆ)


.... เอาเพลงเพราะๆมาฝาก อีกเพลงครับ

http://en-light.com/V2/s/01_Everything.html

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552

คำเตือน สำหรับผู้ที่ชอบโพสรูปลง hi5 ต้องระวัง!!!!+++

+++คำเตือน สำหรับผู้ที่ชอบโพสรูปลง hi5 ต้องระวัง!!!!+++
เทคโนโลยี สมัยนี้อันตรายจริง ๆ ครับ ลงไปรูปเดียว แต่ผลที่ได้รับ มันมากมายมหาศาลยิ่งนัก ใครผู้ไหนคิดจะเล่น hi5 คิดดูให้ดีก่อนนะครับ ว่าผลดีกับผลเสียอันไหนมันมากกว่ากัน ไม่งั้นคุณจะเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพที่ชอบขโมยรูปภาพท่านไปทำมิดีมิร้าย ครับ
ถ้าคุณโพสรูปไปแบบนี้ ...

คุณอาจกลายเป็นแบทแมนเป็นโดราเอม่อน...
หรืออาจได้เล่นหนัง........

อีกเรื่อง..
อาจได้เป็นทหาร...
.เป็นฮีโร่ เป็น Shrek 3
เป็นพ่อนีโม....
เป็นผู้ร้าย.......เป็นสาวๆ....เป็นรูปวาด...

เป็นนางแบบ.


เป็นนักเตะระดับโลก.........
เป็นขุนนางอังกฤษสมัยก่อน.....
เป็นสัตว์ประหลาด....



เป็นเพื่อนเล่นกับประธานาธิบดีไป

บรรยากาศการซ้อมอพยพหนีไฟ

FW mail From : มาลีวรรณ มีชำนาญ




























แบงก์รีดลูกค้า! ขึ้นค่าดูแลบัญชี


ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. เป็นต้นไป
ธนาคารดาหน้ากินค่ารักษาบัญชีจากลูกค้า ล่าสุดธนาคารกรุงเทพประกาศใครทิ้งเงินฝากออมทรัพย์ไว้ต่ำ 2,000 บาท ไม่เคลื่อนไหว 1 ปี เสียเดือนละ 50 บาท นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. เป็นต้นไป ธนาคารจะเก็บค่ารักษาบัญชีจากลูกค้าเงินฝาก 50 บาท/เดือน กรณีบัญชีไม่เคลื่อนไหวเกิน 12 เดือน สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีเงินฝากต่ำกว่า 2,000 บาท
อัตราดังกล่าวเป็นการปรับจากเดิมที่กำหนดไว้ว่า หากลูกค้าทิ้งเงินไว้ต่ำกว่า 500 บาท ไม่เคลื่อนไหวเกินกว่า 12 เดือน จะเก็บ 50 บาทต่อเดือน "ธนาคารปรับขึ้นค่ารักษาบัญชีให้เท่ากับระบบ เพราะทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ต่างปรับเกณฑ์ขึ้นเป็น 2,000 บาทกันไปแล้ว ธนาคารกรุงเทพถือเป็นลำดับท้ายๆ ที่หันมาปรับเกณฑ์ขึ้นมา โดยถึงตอนนี้มีเพียงธนาคารกรุงไทยเท่านั้นที่ยังใช้เกณฑ์ 500 บาท แล้วคิดค่ารักษาบัญชีเดือนละ 50 บาทอยู่" นางรัชนี กล่าว นางรัชนี กล่าวว่า จุดประสงค์ของการปรับเกณฑ์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาเดินบัญชี เพราะธนาคารมีลูกค้าหลายล้านบัญชี หากลูกค้าทิ้งเงินไว้เฉยๆ จะกลายเป็นต้นทุน ทั้งต้นทุนด้านการพนักงาน และระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ "ถ้ามีเงินต่ำกว่า 2,000 บาท ก็ไม่ควรทิ้งไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ อยู่แล้ว แต่เราจะเก็บเฉพาะบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวเกิน 1 ปี ถึงจะมีเงินเหลือ 3 บาทในบัญชี แต่มีความเคลื่อนไหว 1 ครั้ง ไม่ว่าจะฝาก ถอน โอน หรือบิลเพย์เมนต์ก็ไม่โดนเก็บ แบงก์จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือกรณีรับเงินเดือนผ่านแบงก์กรุงเทพ ก็ไม่โดนเก็บ เพราะมีเงินเข้าทุกเดือน" นางรัชนี กล่าว นางรัชนี กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารได้ติดประกาศเกณฑ์ใหม่ในทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่แจ้งลูกค้าให้รับทราบ แต่คงไม่สามารถส่งจดหมายแจ้งลูกค้ารายคนได้ เพราะฐานจำนวนลูกค้าใหญ่มาก พนักงานธนาคารกรุงเทพ แนะนำว่า หากจะทิ้งเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร ขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนมาเปิดบัญชีฝากประจำไว้ดีกว่า อาทิ ฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน เพราะเมื่อครบกำหนดฝาก นอกจากจะได้รับโอนดอกเบี้ย ธนาคารจะต่ออายุเงินฝากให้อัตโนมัติ ทำให้ไม่ถูกเก็บค่ารักษาบัญชี 50 บาท และบัญชีฝากประจำกำหนดการรับฝากขั้นต่ำไว้ที่ 2,000 บาท ด้านธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ธนาคารยังไม่มีนโยบายปรับเกณฑ์ค่ารักษาบัญชีไม่เคลื่อนไหว ปัจจุบันยังใช้เกณฑ์เก็บค่าธรรมเนียมสำหรับยอดเงินคงเหลือต่ำกว่า 500 บาท ไม่เคลื่อนไหวเกิน 12 เดือน ขณะที่พนักงานธนาคารทหารไทย แจ้งว่า ได้ปรับเกณฑ์เก็บค่ารักษาบัญชีสำหรับยอดฝากต่ำกว่า 500 บาท เป็นต่ำกว่า 1,000 บาท ไปเมื่อกลางปี ยังไม่มีนโยบายจะปรับเป็น 2,000 บาทตามระบบ จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันเหลือเพียงธนาคารกรุงไทย นครหลวงไทย ธนชาต เกียรตินาคิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไทยเครดิต เอไอจี ที่คิด 50 บาทต่อเดือน หากมีเงินเหลือในบัญชี 500 บ

Most watched