วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552

บรรยากาศการซ้อมอพยพหนีไฟ

FW mail From : มาลีวรรณ มีชำนาญ




























แบงก์รีดลูกค้า! ขึ้นค่าดูแลบัญชี


ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. เป็นต้นไป
ธนาคารดาหน้ากินค่ารักษาบัญชีจากลูกค้า ล่าสุดธนาคารกรุงเทพประกาศใครทิ้งเงินฝากออมทรัพย์ไว้ต่ำ 2,000 บาท ไม่เคลื่อนไหว 1 ปี เสียเดือนละ 50 บาท นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. เป็นต้นไป ธนาคารจะเก็บค่ารักษาบัญชีจากลูกค้าเงินฝาก 50 บาท/เดือน กรณีบัญชีไม่เคลื่อนไหวเกิน 12 เดือน สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีเงินฝากต่ำกว่า 2,000 บาท
อัตราดังกล่าวเป็นการปรับจากเดิมที่กำหนดไว้ว่า หากลูกค้าทิ้งเงินไว้ต่ำกว่า 500 บาท ไม่เคลื่อนไหวเกินกว่า 12 เดือน จะเก็บ 50 บาทต่อเดือน "ธนาคารปรับขึ้นค่ารักษาบัญชีให้เท่ากับระบบ เพราะทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ต่างปรับเกณฑ์ขึ้นเป็น 2,000 บาทกันไปแล้ว ธนาคารกรุงเทพถือเป็นลำดับท้ายๆ ที่หันมาปรับเกณฑ์ขึ้นมา โดยถึงตอนนี้มีเพียงธนาคารกรุงไทยเท่านั้นที่ยังใช้เกณฑ์ 500 บาท แล้วคิดค่ารักษาบัญชีเดือนละ 50 บาทอยู่" นางรัชนี กล่าว นางรัชนี กล่าวว่า จุดประสงค์ของการปรับเกณฑ์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาเดินบัญชี เพราะธนาคารมีลูกค้าหลายล้านบัญชี หากลูกค้าทิ้งเงินไว้เฉยๆ จะกลายเป็นต้นทุน ทั้งต้นทุนด้านการพนักงาน และระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ "ถ้ามีเงินต่ำกว่า 2,000 บาท ก็ไม่ควรทิ้งไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ อยู่แล้ว แต่เราจะเก็บเฉพาะบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวเกิน 1 ปี ถึงจะมีเงินเหลือ 3 บาทในบัญชี แต่มีความเคลื่อนไหว 1 ครั้ง ไม่ว่าจะฝาก ถอน โอน หรือบิลเพย์เมนต์ก็ไม่โดนเก็บ แบงก์จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือกรณีรับเงินเดือนผ่านแบงก์กรุงเทพ ก็ไม่โดนเก็บ เพราะมีเงินเข้าทุกเดือน" นางรัชนี กล่าว นางรัชนี กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารได้ติดประกาศเกณฑ์ใหม่ในทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่แจ้งลูกค้าให้รับทราบ แต่คงไม่สามารถส่งจดหมายแจ้งลูกค้ารายคนได้ เพราะฐานจำนวนลูกค้าใหญ่มาก พนักงานธนาคารกรุงเทพ แนะนำว่า หากจะทิ้งเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร ขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนมาเปิดบัญชีฝากประจำไว้ดีกว่า อาทิ ฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน เพราะเมื่อครบกำหนดฝาก นอกจากจะได้รับโอนดอกเบี้ย ธนาคารจะต่ออายุเงินฝากให้อัตโนมัติ ทำให้ไม่ถูกเก็บค่ารักษาบัญชี 50 บาท และบัญชีฝากประจำกำหนดการรับฝากขั้นต่ำไว้ที่ 2,000 บาท ด้านธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ธนาคารยังไม่มีนโยบายปรับเกณฑ์ค่ารักษาบัญชีไม่เคลื่อนไหว ปัจจุบันยังใช้เกณฑ์เก็บค่าธรรมเนียมสำหรับยอดเงินคงเหลือต่ำกว่า 500 บาท ไม่เคลื่อนไหวเกิน 12 เดือน ขณะที่พนักงานธนาคารทหารไทย แจ้งว่า ได้ปรับเกณฑ์เก็บค่ารักษาบัญชีสำหรับยอดฝากต่ำกว่า 500 บาท เป็นต่ำกว่า 1,000 บาท ไปเมื่อกลางปี ยังไม่มีนโยบายจะปรับเป็น 2,000 บาทตามระบบ จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันเหลือเพียงธนาคารกรุงไทย นครหลวงไทย ธนชาต เกียรตินาคิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไทยเครดิต เอไอจี ที่คิด 50 บาทต่อเดือน หากมีเงินเหลือในบัญชี 500 บ

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แม่หมาขี้เรื้อนกับคนใจดำ‏

แม่หมาขี้เรื้อนกับคนใจดำ‏
Credit:FW Mail Fromพี่กาแฟ Thanich Kafae 
เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับ ชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อย

แต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา แกกินแหลกครับแต่

แม่แกบอกมันบาปนะลูก(ไม่สนโว้ย)

เมื่อราว 15 ปีก่อนมีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไป

ครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง มันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย ๆ

เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่สม่ำเสมอแต่กรณีหมาขี้เรื้อน

แกบอกว่า ' กูกินไม่ลงว่ะ 'แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า แต่มันรอดได้ทุกครั้ง

(สงสัยมีของ)มันมักจะไปหาของกินทีตลาด บางทีก็ได้ แต่บางทีก็ไม่ได้

คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุนๆไป

แกเดือดทันทีครับ วิ่งตามไป คราวนี้ทันครับ เพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก

แกทุบไปทีเดียว หมานั่นล้มลงชักทันที

(แกบอกว่า หากตีตรงจุด แค่ไม้บรรทัดก็ตาย)

แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับ แต่จะทำกินตรงนั้น

กลับบ้านไปเตรียมของ ( แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน)

ให้ผมเฝ้าไว้(ยังเด็กอายุแค่ 12) ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู

(ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย) มันไปจริงครับ หายวับไป

พี่ชิตแกโกรธมาก คงอยากเตะผมเต็มแก่

แต่ลุงผมแกเป็นนักเลงใหญ่ และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้ ก็ต้องวิ่ง

ตามอย่างเดียวพร้อมบ่น ' ทำไมมันไม่ตายวะ '

พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่า

แกตามทันทีพอไปถึง ภาพที่เห็น หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับ วัยกำลังหย่านมบาง

ตัวยังกินนมอยู่ บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก(เห็นกับตา) ที่มันยังไม่ยอมตาย เพราะ

ต้องกลับไปให้นมลูกแม้น้ำนมแห้งกรังเอาอาหารไปให้ลูกมันมันเรียกลูกๆ เพื่อให้นมให้อาหารเป็นครั้งสุดท้าย

แม่หมาพยายามอย่างดีที่สุดมันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง ขอให้มันให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายไม่

อยากเชื่อ นั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้นเดินเข้าไปดูแม่

หมานั่น ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูกแกไม่พูดอะไร

ทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ สายตาอ่อนโยนลง

ลูกหมาตัวหนึ่ง วิ่งไปหาแก กระดิกหางให้แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า '

ขอโทษ ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย

เราช่วยกันฝังแม่หมาแกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ ทั้ง 5 ตัวตั้งแต่นั้นแกกลาย

เป็นคนใจดี ไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก ' มันอาจมีลูกรออยู่ก็ใด้ '

เมื่อ 12 สิงหา 2 ปีที่แล้ว แกเอามะลิร้อยเป็นพวงไปให้แม่ทั้งๆที่ไม่เคย

ทำ

พูดกับแม่ว่า' แม่ตอนผมอายุ 16 แม่สอนผมยังไงนะสอนอีกหนได้ไหมครับ '

แม่แกน้ำตาคลอพูดไม่ออก

ไม่อยากเชื่อ แม่หมาขี้เรื้อนตายไป 1 ตัว

กลับทำให้คนใจดำอย่างแกเปลี่ยนไปขนาดนี้


วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

มิตรภาพ

เก็บมาจากTorakhong;Cradit:คุณกาแฟครึ่งถ้วย
มีหลายสิ่งที่คุณรู้สึกได้ ในมิตรภาพที่ไร้ข้อจำกัดของความเป็นเพื่อน ความผูกพันเหล่านั้นถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษรเพื่อบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ ที่แสนจะพิเศษของทุกๆคนที่มีเพื่อน คุณขาดข้อไหนหรือเปล่า ?????Always be honest , would you want them to lie to you?
จงซื่อสัตย์เสมอ...คุณต้องการให้เพื่อนโกหกคุณเหรอ
Be there when they need you, or you may wind up aloneจ
จงอยู่เคียงข้างเมื่อเขาต้องการ...หรือคุณต้องการจะอยู่คนเดียว
Cheer them on, we all need encouragement now and then
ให้กำลังใจ...เราทุกคนต่างก็ต้องการการสนับสนุนเป็นบางครั้ง
Don't look for their faults, even if you have none
อย่ามองหาข้อผิดพลาดของเขา...แม้ว่าคุณจะไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว
Encourage their dreams, what would we be without them?
สนับสนุนให้เขาทำตามความฝัน...เราจะอยู่อย่างปราศจากความฝันได้อย่างไร
Forgive them, you just may do something wrong sometime
ให้อภัย ...คุณอาจจะเคยทำผิดพลาดในบางเวลา
Get together often, misery loves company, so does glee
เจอกันบ่อยๆ...เมื่อมีความทุกข์ ต้องมีเพื่อน เพราะการคบค้าสมาคมทำให้เกิดความสนุกสนาน
Have faith in them, the human animal is remarkable
มีศรัทธาในเพื่อน...การมีศรัทธาเป็นสิ่งที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากสิ่งมีชีวิตอื่น
Include them, you may need to be included sometime
รวมเขาเข้าไปด้วย...คุณก็อาจจะต้องการถูกรวมบ้างบางครั้ง
Just be there when they need you
อยู่ข้างๆ...เมื่อเขาต้องการคุณ
Know when they need a hug, and couldn' t you use one?
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาต้องการให้กอด...เคยกอดเพื่อนบ้างหรือยัง
Love them unconditionally, that is the only condition
รักโดยไร้ข้อแม้...นี่เป็นเพียงเงื่อนไขข้อเดียวเท่านั้น
Make them feel spicial, because aren't we all special?
ทำให้เขารู้สึกเป็นพิเศษ...เพราะเราทุกคนก็เป็นคนพิเศษไม่ใช่เหรอ
Never forget them, who wants to feel forgotten
อย่าลืมเพื่อน...ใครบ้างอยากถูกลืม
Offer to help, and know when " No thanks" is just politeness
เสนอตัวที่จะช่วยเหลือ...และควรรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คำว่า "ไม่เป็นไร ขอบคุณ" เป็นคำพูดแค่เพื่อมารยาท
Praise them honesly and openly
ยกย่องเพื่อนอย่างจริงใจ และเปิดเผย
Quietly disagree, noisy No's make enemies
อย่าโต้แย้งอย่างโจ่งแจ้ง...การทำเช่นนั้นก่อให้เกิดศัตรู
Really listen, a friendly ear is a soothing balm
ตั้งใจรับฟัง...การรับฟังของเพื่อนคือยารักษาอาการ
Say you're sorry, don't let them assume it
กล่าวคำขอโทษ...อย่าปล่อยให้เพื่อนต้องสันนิษฐานเอาเอง
Talk frequently, communication is important
พูดคุยกันบ่อยๆ ...การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ
Use good judgement
ใช้ข้อตัดสินที่ดี
Verbalsise your feelings
อธิบายความรู้สึกของคุณเป็นคำพูด
Wish them luck, hopeftlly good
อวยพรให้โชคดี..........หวังว่าเขาจะพบแต่เรื่องดี
Examine your motives before you 'help' out
ตรวจสอบเจตนาของคุณ ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ
Your words count, use them wisely
คำพูดของคุณมีค่า......จงใช้อย่างชาญฉลาด
Zip your lips when they told a secret
ปิดปากให้สนิทเมื่อเพื่อนบอกความลับ

กับอีกบทความ ฝากไว้ให้คิด
คนๆ หนึ่งการที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน
ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอ
ก็คือ“คน” เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น
อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น
อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ....
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป
เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง
อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป
เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด
อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้
เพราะถ้าคนๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้
คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันทีเธอ. . .
ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ
ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา
ฉันเองก็เป็น “คน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้าน. . . เช่นกัน..
.อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง..
.------------------------------------------

30 วิธีที่ทำให้ตัวเองมีความสุข

เอามาจากFW:MailFrom:"thip khaewon"

30 วิธี ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข (ลองอ่านดูว่าจริงป่าว ?)
1.นึกไว้เสมอว่า การโกรธ1นาที จะทำให้ความเครียดอยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง
2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกรับรอง ว่าเขาต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง
3.ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกถึงตัวตนคุณได้
4.หลับตานิ่งๆ 3 นาที เมื่ออะไรที่อยู่ข้างหน้ามันช่างยากเหลือเกิน
5. ระหว่างแปรงฮัมเพลงไปด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นเป็น 2 เท่า
6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง รสชาติจากที่ธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะ
7.ไม่ว่าผมสั้นหรือยาวก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด
8.การขึ้น - ลงบันไดสูงไม่ให้เหนื่อย คือการไม่นับว่ายืนอยู่ขั้นที่เท่าไหร่แล้ว
9. คาตาบอดจะเห็นคนสวยมากๆ ทันทีที่คุณถามเค้าว่า ''ช่วยพาข้ามถนนมั้ยค่ะ''
10.เมื่อหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนหย่อนลงกระป๋องหรอก
11.ควรหัดพูดคำว่า''ไม่เป็นไร'' มากกว่าจะพูดว่า ''จะเอายังไง''
12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาทีแล้วคุณจะไม่สายเหมือนเมื่อก่อน
13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง ดังนั้นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ จึงเล่าให้มันฟังได้
14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกครั้ง เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
15.เขียนชื่อคนที่คุณเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง หรือแปะไว้ใต้รองเท้าแล้ว ใส่รองเท้านั้นเดินเล่นไปสักพัก ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
16.ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูแทบไม่ออกเลยว่าเพิ่งร้องไห้
17.ตุ๊กตา และของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มออกเสมอ เมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง
18.ก่อนซื้ออะไร ให้นึกว่ามันทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ทำให้ได้ 3 ข้อ
19.ถึงเสื้อ กางเกง ในตู้จะมีน้อย แต่ถ้าใส่สลับกันก็จะดูเหมือนมีเยอะขึ้น
20.ซาลาเปา 1 ลูก กินได้ 2 คน ลูกชิ้น 1 ไม้กินได้ 4 คน ถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด
22.วันไหนรู้สึกเศร้าๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น
23.แอบรักใครซักคน...ยังไงก็ดีกว่าไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง
24.ถึงไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะแต่งตัวหล่อๆ สวยๆ ไม่ได้นี่
25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง โดยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน
26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวให้สดใสได้ แล้วทำไมจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้
27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบ ถึงมันจะไม่สนุก แต่มันก็มีประโยชน์แฝงอยู่
28.วันที่ตื่นเช้า ให้บิดขี้เกียจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย
29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมด ไปวางให้หมาที่เดินผ่าน แค่นี้ก็เป็นการทำบุญโดยไม่ต้องลงทุนแล้ว
30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มอีกหลายบาท ^^.
.---------------------------------------------------------
เก็บมาจากtorakhong;Cradit:คุณค้างคาวริมโขง
1. Say 'Love' คำว่า 'รัก' พูดง่ายนิดเดียว แต่อยู่ที่ว่าคุณกล้าที่จะพูดหรือไม่ คำว่า ' รัก ' คำเดียวสามารถสร้างปรากฏการณ์แห่งรัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างความรู้สึกสุขใจกับคนที่คุณรัก และอาจเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างให้กับชีวิตคุณด้วย ไม่เชื่อก็ลองดู
2. Married การแต่งงานเป็นความฝันสูงสุดของผู้หญิงทั่วไป การได้มีสามีและลูกที่น่ารักช่วยเติมเต็มชีวิตของคุณให้มีความสุขสมบูรณ์ มีสายใยแห่งความเอื้ออาทรต่อกัน และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าชีวิตนี้เราก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรัก และมีค่าสำหรับใครค นหนึ่งเช่นกัน
3. Best Friend เพื่อน...หาที่ไหนก็หาได้ แต่จะหาเพื่อนแท้สักคนนี่สิหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก ไม่ว่าคุณจะทำอะไรถูกหรือผิด คุณจะเจอปัญหาหนักหนาสาหัสแค่ไหน เพื่อนแท้เท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างคุณ คอยเป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นเพื่อนแก้เหงา เป็นคนที่ทำให้คุณสนุกสนาน เฮฮา หากคุณมีเพื่อนแท้แล้วจงรักษาเขาเอาไว้ให้ดี
4. Travel หากชีวิตที่ผ่านมาคุณมัวหมกมุ่นอยู่กับการทำงานเพียงอย่างเดียว และซีเรียสกับการใช้ชีวิตว่าจะต้องเกิดประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้มากจนเกินไป พานแต่จะทำให้ชีวิตคุณไม่มีความสุข ในวันหยุดที่จะถึงนี้ลองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน เพื่อเติมพลังชีวิตให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาดีกว่าค่ะ
5. Drunk ลองใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงดูสักครั้ง เติมชีวิตให้มีสีสัน เฮฮา ปาร์ตี้ให้สุดๆ กับเครื่องดื่มที่จะทำให้คุณลืมโลก ลืมปัญหา และความวุ่นวายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาจนหัวทิ่มกันทุกวันนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ลืมโลกใบนี้ไปจริงๆ
6. Live Without TV ชีวิตคนเราทุกวันนี้โดนแทรกแซงจากสิ่งประดิษฐ์ และข่าวสารต่างๆ มากมายจนทำให้ชีวิตเรายุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะโทรทัศน์ที่มีกันแทบจะทุกบ้าน กลับบ้านปุ๊บเป็นต้องหยิบรีโมตขึ้นมากด และหมดเวลาไปกับการนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์และเปลี่ยนช่องดูไปเรื่อยๆ คุณลองอยู่อย่างไม่มีโทรทัศน์ดูสักวันสิคะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าวันนั้นคุณทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองได้มากทีเดียวค่ะ
7. Own House บ้าน คือวิมานของเรา แต่หากเราไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านนั้นก็อาจไม่ใช่วิมานของเราก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองทำงานเก็บเงินและซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักครั้งในชีวิต รับรองว่าคุณต้องภูมิใจและมีความสุขกับบ้านที่คุณได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างแน่นอน
8. Forgiveness เมื่อใดที่มีคนมาทำร้ายเรา หากเรามัวแต่โกรธและจ้องที่จะทำร้ายเขากลับ ความแค้นนี้คงไม่จบไม่สิ้นลงได้ง่ายๆ แต่คุณจงเข้าใจกับความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่มีใครหรอกที่จะไม่เคยทำผิดพลาด ไม่มีใครที่ดีพร้อม ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้ และยอมรับมัน เราก็จะมีความสุขกับชีวิตที่รู้จักการให้อภัยมากขึ้น9. Be Happy ชีวิตคนเราเกิดมาสั้นนัก ไม่รู้จะมานั่งเศร้าหมองให้ชีวิตห่อเหี่ยวไปทำไม จงมีความสุขและเอน จอยกับสิ่งที่ทำ หรือหากมีปัญหาที่ทำให้ทุกข์ใจ ก็อย่าได้ทุกข์กับมันซะนาน ทางที่ดีหาทางแก้ไขและอยู่กับมันอย่างแฮปปี้จะดีกว่าค่ะ
10. Donate Blood การทำบุญอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ( ไม่เป็นเอดส์ ) ก็ทำให้เหมือนกันนั่นก็คือ การบริจาคโลหิตเพื่อต่อชีวิตให้กับคนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ คนคนนั้นอาจเป็นผู้นำครอบครัวที่หาเลี้ยงลูกเมีย หากขาดเขาไปสักคน ครอบครัวหนึ่งอาจต้องประสบกับความโหดร้าย ดังนั้นคุณจงภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนอีกหลายชีวิต แม้จะเป็นทางอ้อมก็ตาม
11. Donate Body ขณะที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เราต่างเห็นสิ่งเลวร้ายและความสูญเสียมานับไม่ถ้วน แต่หากเรามีโอกาสได้ลองบริจาคอวัยวะเมื่อตายไปเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่ต้องการ คุณคิดดูสิคะว่ามันจะดีกว่าที่จะต้องเอาร่างที่ไร้วิญญาณนั้นไปฝังหรือไปเผากว่าเป็นไหนๆ เรียกว่า ตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต จริงไหมคะ
------------------------------------------

ชีวิตแต่งงานที่เป็นสุขเริ่มต้นอย่างไร?

อยากจะฝากข้อควรปฏิบัติ 9 ข้อ สำหรับคู่สมรสใหม่ เพื่อเอาชนะปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ในช่วงปีแรกของการแต่งงานดังนี้.
ข้อ 1. ให้ยอมรับว่าชีวิตนั้นจะต้องมีปัญหา ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่คู่สมรสจะต้องยอมรับว่าชีวิตสมรสเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่คนๆ เดียว และไม่ว่าคู่สมรสใดต่างก็มีปัญหากันทั้งนั้นข้อ
2. ไม่ต้องหลอกตนเองหรือฝืนใจตัวเองให้สนใจในสิ่งหรือเรื่องเดียวกัน แน่นอนสามีและภรรยาจะต้องมีความสนใจในบางเรื่องที่ไม่ตรงกันเพราะนั้นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตแต่งงานมีรสชาติมากขึ้นและเป็นการทำให้เกิดมุมมองที่หลายหลาย แต่ก็ไม่ควรเอาแต่ใจตนเองจนเกินไป
ข้อ 3. หากชีวิตกามารมณ์ของคุณไม่เป็นที่พึงพอใจในปีแรก ให้รีบขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อนี้สำคัญมาก ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาเรื่องเพศนั้นจะไม่หายไปเองง่ายๆ และยิ่งคุณรอนานมันยิ่งจะเป็นปัญหาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ เป็นเงาตามตัว บุคคลที่คุณควรปรึกษาในเรื่องนี้คือ สูตินารีแพทย์ จิตแพทย์หรือไม่ก็นักสังคมสงเคราะห์
ข้อ 4. อย่าตั้งกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการทำกิจกรรมหรือภาระกิจที่คุณเคยกระทำอยู่เมื่อครั้งยังเป็นโสด เช่นทำตารางเวลาหรือกำหนดวันจนกลายเป็นเงื่อนไขผูกรัดตัวคุณ แต่คุณควรที่จะพยายามใช้เวลาด้วยกัน และมีกิจกรรมต่างๆร่วมกันในช่วงสองปีแรกของการสมรส และหากจะมีการกำหนดกิจกรรมใดๆควรเป็นเรื่องที่กำหนดด้วยกันและทำด้วยความสมัครใจจะดีกว่า เช่นการเป็นเยี่ยมพ่อแม่ของคุณทั้งสองคน และการไปทำเรื่องที่แต่ละคนชอบในวันหยุดสุดสัปดาห์ เช่นคนหนึ่งอาจชอบไปว่ายน้ำ อีกคนชอบไปตีกอล์ฟ เป็นต้น
ข้อ 5. ต้องยอมรับถึงรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้น และมีการวางแผนด้านการเงิน เมื่อยอมรับหรือทำใจไว้ล่วงหน้าได้เช่นนี้คุณก็จะช่วยกันแก้ไข โดยการจัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายแบบประหยัด แต่ที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้นก็คือคุณจะต้องพยายามใช้จ่ายตามงบประมาณที่ได้ตั้งไว้ด้วยนะครับ
ข้อ 6. วางแผนเรื่องการใช้เวลาให้ดี จงให้แน่ใจว่าเวลาสำหรับการทำงานและการแสวงหาความสุขสนุกสนานเพียงพอทัดเทียมกัน ทั้งนี้เพราะความสุขจากการใช้เวลาด้วยกันนั้นคือส่วนสำคัญของชีวิตแต่งงาน
ข้อ 7. การแต่งงานนั้น คือการที่คนสองคนเข้าหุ้นส่วนชีวิตกันและกัน ทั้งสองฝ่ายควรมีส่วนรับรู้ในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ หรืออาจมีผลกระทบต่อชีวิตสมรส
ข้อ 8. รักษาสุขภาพให้ดี การรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์อยู่เสมอด้วยการที่คุณทั้ง 2 คนควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ (รวมถึงทันตแพทย์ด้วย) และคุณทั้งคู่จะต้องเอาจริงเอาจังกับการดูแลสุขภาพของตนเองเช่นการลดและอเลิกสูบบุหรี่หรือเสพของมึนเมาต่างๆ ทั้งนี้เพราะว่าการมีสุขภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงอาจนำมาซึ่งชีวิตสมรสที่ไม่มีความสุขได้
ข้อ 9. จงให้กำลังใจกันและกันเสมอว่าชีวิตจะต้องมีทั้งความทุกข์และความสุข ที่สำคัญคือจงมีความเชื่อและมั่นใจว่า คุณทั้ง 2 คนจะสามารถเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ ในอนาคตร่วมกันได้อย่างสบาย และในอนาคตนั้นมีความสุขกำลังรอคุณอยู่หากคุณทั้ง 2 คนสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆ ในช่วงปีแรกของการแต่งงานได้ คุณจะรู้สึกประหนึ่งว่าความทุกข์ยากและปัญหาหนักต่างๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากว่าในปีแรกนี้ทั้งคู่จะต้องปรับตัว ซึ่งการปรับตัวนี้ในบางเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ถ้าทำได้สำเร็จก็จะเป็นการปูรากฐานของความสุขที่จะได้เกิดขึ้นในช่วงต่อไปของชีวิต และพร้อมที่จะเอาชนะปัญหาหนักๆ ซึ่งจะติดตามมาภายหลัง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงปีที่ 7 และประมาณระหว่างปีที่ 15 – 20 ของการแต่งงานสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ความรักระหว่างคุณทั้งสองเป็นไปได้อย่างมั่นคงตลอดไปก็คือ ความสามารถในการเข้าไปเป็นเสมือนหุ้นส่วนในชีวิตสมรสและการรับผิดชอบในหน้าที่ของหุ้นส่วนชีวิตของกันและกัน คุณทั้งคู่จะต้องปรับตัวในหลายๆ ด้านในชีวิตการสมรส การปรับตัวนี้จะเป็นเรื่องง่ายหากคุณเป็นผู้ใหญ่พอนั้นหมายถึงความเป็นผู้ใหญ่ด้าน “อารมณ์”หลายคนคงจะสงสัยว่าความเป็นผู้ใหญ่ในเรื่องอารมณ์นี้คืออะไร? ความเป็นผู้ใหญ่ในด้านอารมณ์ หมายถึง การควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้อยู่ในกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วยความสบายใจ และหมายถึงความเห็นอกเห็นใจฝ่ายตรงข้ามด้วยการมีสติและเหตุผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือองค์ประกอบที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งคู่ประสบความสำเร็จ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือคุณจะต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ควรใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาไม่ควรใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และอย่าเป็นคนขี้ระแวงมากเกินไป เพราะจุดนี้อาจจะทำให้คุณเป็นทุกข์ ควรคิดแต่แง่ดีในตัวคู่ครองของคุณ คือ “มองโลกในแง่ดี” นั้นเอง แต่ก็ต้องดูที่เหตุผลด้วย.... โดยฝ่ายผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจะเข้าอกเข้าใจในความผิดพลาดต่างๆ ของฝ่ายชายและพร้อมที่จะประนีประนอม และในทางกลับกันฝ่ายผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจะเข้าอกเข้าใจในความผิดพลาดต่างๆ ของฝ่ายหญิงและพร้อมที่จะประนีประนอมเช่นเดียวกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเธอและของเขาราบรื่นในยามที่มีปัญหา
หากทั้งสองฝ่ายมีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการแก้ไขปัญหาแล้ว ทั้งคู่จะมีความพึงพอใจในความเสมอภาค เพราะทั้งนี้จะไม่มีฝ่ายใดอยู่เหนือฝ่ายหนึ่ง ทว่าทั้งสองต่างก็หันหน้าเข้าหากัน ช่วยกันในลักษณะหุ้นส่วนที่มีศักดิ์ศรีทัดเทียมกันและนี้แหละคือ “ชีวิตแต่งงานที่เป็นสุข”

Most watched