วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สุบรรณ์2010.. จุดเริ่มต้นของความเป็นคน(อีกครั้ง)


..แบกความจริงเดินทางตามสายลม บอกสายลมว่าท้อแท้... ผิดหวังยามอ่อนแอ ..แต่กลับแพ้ไม่ได้ในความเป็นจริง ..เริ่มต้นสู้ใหม่ในวันพรุ่ง. .วันที่มีสีรุ้งข้างเส้นขอบฟ้า ดำเนินชีวิตตามกาลเวลา. แต่อย่าหมดศรัทธาหากขอบฟ้ายังมีตะวัน..

เหนือสิ่งอื่นใด..

>กราบขอบพระคุณ คุณยาย มี คำล้วน 
คุณแม่ บัวพันธ์ คำล้วน
คุณพ่อ ชัย คำแพง 
คุณวิลัย ชินบุตร (พ่อเลี้ยง)
คุณแม่สมศรี แก้วกระจ่าง (แม่ยาย)
ยายสอย น้าเอี้ยง(ปราณี) กิมโสม
--------------------
>กราบขอบพระคุณ หลวงพ่อ พระครูธรรมรัตนาภิรมณ์(ลุน สุภาจาโร)
>กราบขอบพระคุณ หลวงปู่พล ธมมปาโล
>ขอบพระคุณ อ.พระมหาบรรเทิง พันละออ, อ.มณี เพชรศรี
คุณครูมาลี ชุมนุม,คุณครูพรหมประสิทธิ์ สีหวงค์,ผอ.พันทิพย์ แก้วหล้า
และขอขอบพระคุณ ครูบา,อาจารย์ ทุกๆท่าน 
ที่ได้สั่งสอนมา ตั้งแต่เล็กจนโตมาทุกวันนี้
------------------
*ขอขอบพระคุณ หลวงพี่เภา(สมนึก บุญเกิด)
*ขอขอบคุณ พี่สุรินทร์ มาลาศรี , พี่ประดิษฐ์ วิเศษวงศา,
พี่เจริญ ทุนชัย ,พี่อภิเชษ เชาว์สุโข ,พี่ศราวุธ-พี่ตุลา ทองอ้ม
*ขอขอบคุณ พี่ถวิล ยอดจันทร์ 
*ขอขอบคุณ พี่คำภีร์ ดัชถุยาวัตร
*ขอบคุณท่านธงชัย จูมแก้ว , พี่ทองมา ก้านทอง
-------------------
*ขอขอบคุณ พี่นเรศ นันทจินดา(LG)
*ขอขอบคุณ พี่นรินทร์ นากร(Audio Product Mgr.
-Robinsonในขณะนั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นPower Buyแล้ว)
*ขอขอบคุณพี่จิ๋ม (วรรณภา ฉ่ำรส) ,พี่หมวย ,พี่หม่อม, พี่เรือง ทองดี (Big C)
*ขอขอบคุณ พี่แจ้ง พี่ลภ พี่ชา (อนุชา) ณ นคร (คาร์ฟูร์)
*ขอขอบคุณพี่เบส,พี่ตู่ (วิเชียร สุขโรจน์),พี่โส (โลตัส)
*ขอขอบคุณคุณองอาจ,คุณมาโนช (แฟมิลี่)
*ขอขอบคุณ คุณนารีนารถ,คุณอุ๊,พี่แท่น,พี่ดิเรก,พี่สน.(สนธนา กล้วยนิจ),พี่ก๊อป (TATUNG)
*ขอขอบคุณ พี่แป๋ว(พรรณฺภา สุวรรณสิงห์),พี่ติ๊ก ,พี่เปา (SVOA)
*ขอขอบคุณพี่ทูร (พิทูร คชรินทร์),พี่เก่ง,พี่โก้,คุณอ๊อด,คุณปุ๊ (คาร์ฟูร์)
------------------------
*ขอบคุณมิตรภาพอันดียิ่ง
-คุณลำใย รัตนธิวัตร,พี่ภรณ์
-คุณทองศรี ใบพลูทอง
-คุณปพัทการณ์ ยอดจันทร์
-คุณละมุด กันนิดา
-คุณศรีนคร คำสุข
-คุณสุดใจ บุญสิทธิ์
-คุณบุญยงค์ สมฤทธิ์
*ขอบคุณมิตรไมตรีที่ดีเสมอ
-คุณกรุง ชาร์ป(กรุง โทนสังอินทร์) 
-คุณไหม่ โอสถ(ซัมซุง)
-คุณประเสริจ , คุณโต(แอลจี)
-คุณจักร ,คุณชัย,ป๋าเดช (พิลิปส์)
-คุณแจ็ค,คุณเอก (ซัมซุง)
-พี่เก๋ (โซนี่)
-คุณนัท,คุณต้อม,คุณเชิด (เชอร์แมน)
-พี่เกียรติ,คุณเสมียน (เอเจ)
-คุณสมาน (ลีโอน่า)
-คุณนพ,คุณสาม(คอมโปร)
-คุณชัย,คุณอ๊อด (นาโน)
-คุณศักดิ์ (เอสเคจี)
-คุณแพท(ยูโก)
และทุกๆท่าน ที่ไม่ได้เอ่ยนาม

 ถึง...เธอผู้เป็นเพื่อน.....
....ฉันกลับมาอีกครั้ง............
..กลับมาพร้อมความหวังอย่างเต็มหัวใจ....
....แม้วันวาน..... ฉันจะสูญเสียทุกอย่างไป......
....แต่นี่คือวันไหม่ที่ฉันตั้งใจจะเริ่มต้น...
พายุร้ายได้พ้นผ่าน ..ฉันหวังเห็นฟ้าตระการหลังม่านฝน......
พร้อมแล้วที่จะสู้และอดทน ....
จะเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าที่แล้วมา..
ถึงวันพรุ่งนี้..จะไม่เป็น เหมือนดั่งที่คิด
แต่เพราะวันนี้ยังมีชีวิต...และต้องการคุณค่า.....
...วันนี้ ...ฉันจึงกลับมา.......
เพื่อพิสูจน์ว่า..... ..ฉันสามารถจะหยัดยืน....
..และก้าวไปข้างหน้า...เหมือนคนอื่นๆ..ทุกคน......


วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

''รักเสมอ''



กดเพลย์> เพื่อเล่นภาพสไลด์

ขอให้ดวงวิญญาณของเธอจงไปสู่แดนสุขาวดี
''รักเสมอ''

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

3สิ่งในชีวิต...






















เรื่องเล่าจาก email

fw mail from : รจนา
good article ดีม๊าก มาก ต้องอ่าน

หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง
เสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
ทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า
มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพ กำลังรับสมัคร นักการภารโรง
ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา จึงจับรถมากรุงเทพ และเดินกางแผนที่
(ที่เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น
ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ เ
มื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่ง
และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ นายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ ยกมือไหว้
แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า “... ขอโทษครับพี่ ผม...คือว่า...
ผม...อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ... ”
เจ้าหน้าที่ ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้น ชักสีหน้าทันที
“... อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียน ถึงจะตำแหน่งแค่
นักการภารโรง ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา
แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ ”
หนุ่มบ้านนอกหน้าซีด ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลก ๆ
“... ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่
ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ ”
“ งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก... ” เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้
คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย “... เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะ
อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ กลับไปเถอะ ”
หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียน
ที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย
และเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพ ก็จึงต้องจำใจ
กำเงินจำนวนสุดท้าย จับรถ ซมซานกลับบ้าน อย่างนกปีกหัก
… แต่เมื่อกลับถึงบ้าน จึงนึกขึ้นได้ว่า ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดก
เป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตาย มาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว
ด้วยความเจ็บใจ จึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียม หักร้างถางพง
ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อย
อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .
… อาจเป็นบุญในปางบรรพ์ ของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้
ที่ปรากฎว่า หลายปีต่อมา สวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้น ออกผลอย่างงดงาม
และสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี
กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียง
ขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น และกว้างขึ้น.
. . หลายสิบปีต่อมา จากความขยันขันแข็ง
มานะอดทน และประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
บัดนี้ หนุ่มบ้านนอกคนนั้น ก็กลายเป็นชายชรา
ที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของ พ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และภูมิภาคนั้น
… อยู่มาปีหนึ่ง เมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาล และชำระบัญน้ำบัญชีเรียบร้อย
โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษา
และแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อน
นั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอ เพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก
เมื่อแจ้งนาม และความจำนงกับธนาคารแล้ว
พนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว
เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้ว
ผู้จัดการก็แตะข้อต่อศอก ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทอง
ให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา
“ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้ รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ
” พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ
พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ “ พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด
ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...
” ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีด
พลางค่อยๆอ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ
“... เอ่อ...ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ... .
.. เอ่อ...ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับ
คือ...พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยง
ในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่... ”
ผู้จัดการ ชะงัก ด้วยความเกรงใจ
และในที่สุดก็หลุดปากถามออกมา
ด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง
“... แต่ พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้ หรือครับ... ”
“... พ่อหนุ่ม ” พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
“... ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ... ”
แกถอนหายใจยาว
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า
“... ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ... ”
=================================
คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่คนอื่นมองเรา

แต่ขึ้นอยู่กับตัวเรา โอกาสยังมีอยู่เสมอ

ขอเพียงแต่มองไปรอบๆ ตั้งใจทำในสิ่งที่ทำได้

และทำให้เต็มความสามารถ แล้วดอกผลจะตามมาเอง

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

Most watched